ก็นะ ระบอบ 3 . 3 ลุงของ คสช. ครอบงำการเมืองไทย ยาวนานกว่าทศวรรษ หัวใจหลักระบอบนี้ คือ เชิดชูข้าราชการ เป็นเลิศ จนกลายเป็น “รัฐราชการ” สมบูรณ์แบบ อีกด้าน คือ การรังเกียจนักการเมือง ทำให้เห็นเป็นพวกชั่วร้าย เลวทราม โกงกิน ไว้ใจไม่ได้ มรดกความคิดแบบนี้ย่อมติดค้าง ล้างออกไม่ได้ง่าย ๆ ก็จริง นักการเมืองใช่จะดีหมด เลวทรามชั่วร้ายก็ไม่น้อย แต่ในระบอบรัฐราชการ มีแต่คนดี คนเก่ง ซื่อสัตย์ ไม่โกง รักชาติ หมด

จริงหรือ หรือที่จริงเลวร้ายกว่า สาธุชนคงตอบได้ ไม่ต้องดู “ดัชนีวัดความสำเร็จประเทศ” ที่ต่ำเตี้ยติดดินแทบทุกตัวในรอบทศวรรษที่ผ่านมาให้เจ็บปวดหัวใจหรอก

ที่จริง ผลเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ก็สะท้อนความต้องการประชาชนชัดแจ้งแดงแจ๋ หากไม่ถูกเบี่ยงเบนด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว “ดีลลับ แลกพ่อกลับบ้าน” แล้วพาประชาธิปไตยดิ่งเหว ไม่รู้จะโผล่พ้นโคลนตม กี่โมง รธน.อัปยศ ปี 60 กำแพงใหญ่โตมหึมาที่ต้องข้าม ยิ่งมา กลับยิ่งหมดหวังที่จะแก้ไขได้

กลับมาที่ผลคัดเลือก ประธาน กก.ธนาคารแห่งประเทศ ไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ กับ กก.ผู้ทรงคุณวุฒิ (2 คน) ที่มี นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธาน 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ผลคือ เอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เลือก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง (โต้ง) เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ส่วน กก.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ จากคลัง นางชุณหจิต สังข์ใหม่ จากแบงก์ชาติ ทันทีเลย มีคำพูด คกก. คัดเลือกไม่สนเสียงต้านโต้ง เมินการเมืองแทรกแซง ถ้าเศรษฐกิจไทยล่มสลาย 7 อรหันต์ที่เลือกโต้ง ต้องรับผิดชอบ เออนะ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยล่มสลายมากขึ้นอีกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ก็เห็นขบวนการต่อต้านเงียบกริบ ยอมรับได้ อยู่ดี กินดี มั่งมี มีสุข ตลอด นี่นะ

ขั้นตอนต่อไป คือ นายสถิตย์ ต้องนำชื่อนายกิตติรัตน์เสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป ยังมีเสียงอีกว่า จะผ่าน ครม. หรือรัฐบาลผสมไหมนะ มโน เชื่อเหอะ ผ่านฉลุย เรื่องอย่างนี้ กระทรวงใครกระทรวงมัน เค้าไม่ถีบถองกันหรอก

ปัญหา คือ โต้งมา แล้วไงต่อ?!?

จ้องปลด ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ชื่อเล่น นก อดีตก็เคยเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติเหมือนโต้งแหละ) หรือไม่ การเสนอปลดทำได้ แต่มี 2 เงื่อนไขใหญ่ 1.ผู้ว่าการแบงก์ชาติต้องทุจริตชัดเจน 2.ผู้ว่าการแบงก์ชาติต้องบริหารงานล้มเหลว จนเป็น “ที่ประจักษ์” แค่นี้โต้งก็แทบหมดทางแล้ว หรือบอก โต้ง ทำตัวเป็น “ปฏิปักษ์” กับผู้ว่าการนก มาตลอด จะทำงานร่วมกันได้หรือ

อ้าว แล้วผู้ว่าการนก ไม่ได้แสดงตัวเป็น “ปฏิปักษ์” กับ รบ. ที่เพื่อไทยเป็นแกนนำหรือ ตั้งแต่ตอน เศรษฐา ทวีสิน จนถึงนายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ผู้ว่าการนก สนองตอบแค่ไหน แค่เรื่อง ลดดอกเบี้ย เศรษฐาส่งสัญญาณไม่รู้กี่ครั้ง ผลคือ เงียบสนิท ที่มายอมลดดอกเบี้ย 0.25% ล่าสุดเพราะ 3 สถาบันเอกชนร่วมออกมากระทุ้งหนักให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยขาลงของโลกบ้าง นั่นแหละ ถึงต้องทำ

สรุป ที่สุดทั้ง 2 คนต้องทำงานร่วมกัน หากไม่มียุบพรรค ถอดถอนนายกฯ หรือเอารถถังออกมายึดอำนาจอีก ในฐานะ โต้ง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะแสดงฝีมือยังไงให้นโยบายการเงิน-การคลัง สอดประสานเดินไปด้วยกันแล้วพาชาติรอด ดร.นก ในฐานะผู้ว่าการแบงก์ชาติ จะยังทำตัวเป็น “รัฐอิสระ” เดินสวนทางคลัง-รัฐบาล ต่อหรือไม่

อย่าลืม เมื่อ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สงครามการค้ารอบใหม่ ระเบิดแน่ เศรษฐกิจโลกจะปั่นป่วนแค่ไหน โดยเฉพาะนโยบายดอกเบี้ย ที่ทรัมป์ประกาศ จะเอาลงอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสนับสนุนเงินดิจิทัล คือ คริปโต บิตคอยน์ อีกด้วย แล้วแบงก์ชาติไทยจะว่าไง แค่เป้าหมายเงินเฟ้อที่ตกลงกับคลังไว้ 1-3% ก็ไม่เคยทำได้แล้ว อ้างโน่นนั่นนี่ตลอด จะอ้างอย่างเดิมอีกหรือไม่

โต้ง-นก ใครเป็นมืออาชีพจริง พิสูจน์กันหนนี้แหละ.

……………………………….
ดาวประกายพรึก

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…