“เดลินิวส์ออนไลน์” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ 2 นักแสดงญี่ปุ่นอิมาโมริ มายะ” ดาราสาวดาวรุ่งสุดน่ารัก เจ้าของรางวัลกรังด์ปรีซ์ Miss Magazine 2023 กับ “ชิมิซุ ไคริ” นักแสดงดาวรุ่งชาย รวมทั้ง “ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ” โปรดิวเซอร์จากภาพยนตร์ญี่ปุ่น “Kokoro no Futa ~ Yuki Furu Machi De ~ : ฝันของฉัน รักของเรา”

โดยทั้งสามคนเดินทางมาประเทศไทย เพื่อพบปะกับแฟน ๆ ในหนังรอบพิเศษ First Screening Event สู่เมืองแห่งหิมะก่อนใคร

———————–

ถาม : รับบทเป็นใครในหนังเรื่องนี้ครับ?

อิมาโมริ มายะ : “สวัสดีค่ะ ฉัน อิมาโมริ มายะ รับบทเป็น ชิอินะ ยาโยอิ ค่ะ เป็นเด็กสาวที่อยากเป็นเกอิชาค่ะ”

ชิมิซุ ไคริ : “ผม ชิมิซุ ไคริ รับบทเป็น ซากาโมโต้ สึโทมุ ครับ เป็นคุณครู”

ถาม : อยากให้ คุณอากิพูดถึงหนังเรื่องนี้หน่อยครับ?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “หนังเรื่องนี้อยู่ในโปรเจกต์ค้นหานักแสดงหน้าใหม่ สร้างนักแสดงหน้าใหม่ โปรเจกต์นี้เป็นปีที่ 5 ผมเป็นโปรดิวเซอร์ของโปรเจกต์นี้ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า Kokoro no Futa ~ Yuki Furu Machi De แปลความหมายตรงตัวก็หมายถึง เราปิดผนึกหัวใจเอาไว้ คนเราเวลาจะทำอะไร มันจะมีกำแพงบางอย่างที่ปิดกั้นตัวเองเอาไว้ ผมอยากทำหนังเรื่องนี้เพื่อให้คนก้าวข้ามสิ่งที่เป็นปัญหา สิ่งที่เรากลัว หรือสิ่งที่เรากังวลไปได้ครับ”

“และนี่เป็นครั้งแรกสำหรับโปรเจกต์นี้และหนังเรื่องนี้ ที่ได้มาฉายในต่างประเทศ ผมดีใจมาก ผมอยากนำหนังไปฉายที่ต่างประเทศมานานแล้ว แต่ติดโควิด ก็เลยไม่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้หมดยุคโควิดแล้ว ก็เลยสามารถทําได้ การได้ฉายที่ไทย รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากครับ และหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกับคนไทยในอนาคตต่อไปด้วยครับ”

ถาม : นี่เป็นหนังเรื่องแรกของ มายะจังมีอะไรที่ยากหรือเป็นปัญหาบ้างกับถ่ายทำภาพยนตร์?

อิมาโมริ มายะ : “มันมีหลายความรู้สึกมาก ไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ สมัยก่อนฉันไม่ได้อยู่ที่โตเกียวค่ะ ก็เลยไม่เคยได้เรียนการแสดงมาก่อน แต่พอแคสหนังเรื่องนี้ผ่าน ก็ให้คุณทาคาอิชิเป็นคนปรับเรื่องการแสดงให้ค่ะ ตอนถ่ายทำ ทุกอย่างเป็นครั้งแรกของฉันหมดเลย ไม่รู้ ไม่เข้าใจอะไรเลย ก็ต้องคอยถามคนรอบ ๆ ตัวว่าต้องทำยังไงบ้าง ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ”

ถาม : สำหรับ ไคริแล้ว ยากไหมที่ต้องมารับบทคุณครูในหนังเรื่องนี้?

ชิมิซุ ไคริ : “นักแสดงส่วนใหญ่ในเรื่องจะอยู่ชั้นมัธยมปลาย ซึ่งอายุอ่อนกว่าผมประมาณ 5-6 ปี โดยผมแสดงเป็นครู มีนักเรียนต้องมาขอคำปรึกษา ผมก็ต้องพยายามวางตัวให้ดูเหมาะสม ให้ดูว่าเป็นที่ปรึกษาได้ นั่นคือสิ่งที่ยากในการแสดงบทนี้”

ถาม : ฉากที่ยากที่สุดในหนังเรื่องนี้สำหรับ มายะจัง“?

อิมาโมริ มายะ : “มี 2 ฉากค่ะ คือฉันแสดงเป็นเด็กสาวที่อยากเป็นเกอิชา ฉากแรกที่ยากก็คือฉากที่ฉันจะต้องแสดงเป็นเกอิชาค่ะ ฉันต้องให้อาจารย์จากโรงน้ำชาที่มีอายุสืบทอดกันมาเป็นร้อยปีมาสอนฉันโดยตรงค่ะ ซึ่งมันยากมากๆ โดยเฉพาะการฟ้อนรำแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ฉันรู้สึกตื่นเต้น แล้วก็ต้องใช้ความพยายามกับฉากนั้นมากๆ ค่ะ”

“อีกฉากหนึ่งก็คือ ฉากร้องไห้ค่ะ เพราะว่าเป็นการแสดงหนังครั้งแรกของฉัน มันจึงเป็นเรื่องยากมาก ๆ สำหรับการร้องไห้ ฉันก็เลยต้องปรึกษากับนักแสดงคนอื่นๆ ว่าต้องทํายังไงถึงจะเล่นฉากร้องไห้ออกมาได้ดี”

ถาม : แล้วสำหรับ คุณอากิสิ่งที่ยากที่สุดของโปรเจกต์นี้คืออะไร?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “สิ่งที่ยากที่สุดของโปรเจกต์นี้ ก็คือการต้องคัดเลือกนักแสดงจากพันสามร้อยกว่าคน ให้เหลือแค่ 22 คน เป็นสิ่งที่ยากที่สุดครับ”

ถาม : แล้วทำไม คุณอากิถึงเลือก มายะจังกับ ไคริครับ?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “แน่นอนก็เพราะว่ามีเสน่ห์ครับ และทั้งสองคนเป็นคนซื่อตรง ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ในอนาคตมีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้อีกไกลครับ”

ถาม : อยากให้ ไคริเล่าเรื่องสนุกๆ ในกองถ่ายให้ฟังหน่อย

ชิมิซุ ไคริ : “มีฉากที่ มายะ ต้องไปหาผมที่ห้องพักครู ตอนซ้อมฉากนั้นใช้เวลานานมาก เพราะ มายะ พอเห็นหน้าผม ก็จะขำตลอด แต่พอถึงเวลาถ่ายจริง ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จครับ”

ถาม : ทราบมาว่า มายะจัง ชอบเล่น “โอเทลโล่” (Othello) มาก ได้เอาไปเล่นในกองถ่ายตอนพักหรือเปล่าครับ แล้วเล่นกับใคร?

อิมาโมริ มายะ : “ฉันเล่นโอเทลโล่ทางมือถือค่ะ ในโปรไฟล์แนะนำตัวฉันจะเขียนความสามารถพิเศษว่า โอเทลโล่ แต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย หมากรุกญี่ปุ่นฉันก็ชอบเล่นค่ะ ฉันเก่งด้วยนะ(มีแอบขิงเบาๆ)”

ถาม : เห็น มายะจังเคยใส่กางเกงช้างเต้นชาเลนจ์ใน TikTok ด้วย ไปได้กางเกงช้างมาจากไหน?

อิมาโมริ มายะ : “แม่ฉันเป็นคนฟิลิปปินส์ค่ะ แม่ฉันชอบใส่กางเกงที่เป็นลายแบบนั้นมาก ลายช้าง ลายบาติก ฉันก็เลยชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันเลยไปหาร้านขายของไทยที่ในญี่ปุ่น เพื่อซื้อกางเกงช้างค่ะ”

ถาม : เห็น มายะจังโพสต์โซเชียลว่ามาไทยได้ทาน ข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยไหมครับ?

อิมาโมริ มายะ : “อร่อยมากค่ะ เห็นครั้งแรกคล้าย ๆ อาหารของฟิลิปปินส์ค่ะ แต่พอกินแล้ว รสชาติไม่เหมือนกันเลย รสชาติต่างกันเยอะเลยค่ะ แต่ว่าอร่อยมากๆ ค่ะ ชอบมาก”

ถาม : แล้ว คุณอากิกับ ไคริได้ทานอาหารไทยอะไรไปบ้าง?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “ผมชอบข้าวมันไก่มาก มาครั้งนี้ยังไม่ได้ทานเลย แต่ผมได้ทานต้มยำกุ้งไปแล้ว ต้มยำกุ้งหม้อใหญ่ ได้ทานพร้อมกับ ไค และมายะ แล้วก็ข้าวผัดปู ผมชอบข้าวผัดปูมากกว่าข้าวเหนียวมะม่วง”

ชิมิซุ ไคริ : “ผมเป็นคนชอบทานอาหารเผ็ด พอมาที่นี่ คนไทยก็เลยแนะนำอาหารรสจัดให้ ผมได้ทานกุ้งแช่น้ำปลา ได้ทานน้ำจิ้มซีฟู้ดเข้าไป มันเผ็ดกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากๆ ทำผมช็อกไปเลย”

ถาม : ได้มาไทยครั้งนี้ คุณอากิผุดไอเดียมีโปรเจกต์ หรือมีแผนจะทําอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยในอนาคตบ้างหรือไม่?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “ตั้งแต่ผมได้มาทํางานที่ไทย ผมมีโอกาสได้ดูหนังไทยมากขึ้น ผมรู้สึกว่าหนังไทยหรือละครไทยมีคุณภาพสูงมาก ผมตกใจกับคุณภาพของชิ้นงานมาก หนังไทยสามารถเล่นกับความรู้สึกของคนดูได้เก่งมาก ญี่ปุ่นสมัยก่อนก็จะมีหนังที่เล่นกับความรู้สึกกับคนดูแบบนั้น แม้ไทยกับญี่ปุ่นจะคนละชาติกัน แต่ก็จะมีความรู้สึกที่คล้ายๆ กัน ผมก็อยากจะมีโอกาสได้ทํางาน สร้างละครหรือสร้างหนังร่วมกับประเทศไทยในอนาคต”

“ผมอยากทำโปรเจกต์คัดนักแสดงหน้าใหม่ที่ผมทำในญี่ปุ่น มาทำในไทยบ้าง อยากคัดเลือกนักแสดงไทย เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพื่อนําไปสร้างผลงานในอนาคต”

ถาม : สนใจจะทำโปรเจกต์นี้กับจังหวัดไหนของประเทศไทยครับ?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “ผมเคยมาแต่กรุงเทพ ยังไม่เคยไปจังหวัดอื่นในไทยเลย แต่ผมเคยดูวิดีโอ เคยเห็นภาพถ่ายของจังหวัดอยุธยา และเชียงใหม่ ซึ่งน่าสนใจมาก ผมอยากจะไปถ่ายทำโปรเจกต์นี้ในเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อยากจะทำเรื่องราวเกี่ยวกับความรักทางไกล ผมกําลังสนใจเรื่องนี้อยู่ กำลังค้นหาหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ครับ”

ถาม : ถ้า มายะจังกับ ไคริต้องเลือกระหว่าง ความรักกับ ความฝันแบบตัวละครในหนัง จะเลือกอะไรครับ?

อิมาโมริ มายะ : “ฉันขอเลือกความฝันค่ะ เพราะถ้าฉันไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกภูมิใจในตัวเองได้ รู้สึกดีกับตัวเองได้ ฉันก็คงมีความรักที่ดีไม่ได้ ขอเลือกความฝันก่อน”

ชิมิซุ ไคริ : “ผมขอเลือกความฝันครับ เพราะถ้าทำให้ความฝันเป็นจริงได้ ก็จะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ก็อยากจะนำความรู้สึกตรงนั้นไปแบ่งปันให้กับคนอื่นได้ ก็มั่นใจว่าจะมีความรักที่ดีได้ มันจะมีคําพูดที่ว่า… เหมือนการรินน้ำใส่แก้ว ถ้าเรารินน้ำจนเต็มจนมันเอ่อ..ล้นออกมา มันก็จะไปเผื่อแผ่ให้กับคนอื่นได้ ก็เลยขอเลือกความฝันครับ”

ถาม : อยากให้คนดูได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ครับ?

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “อยากให้คนดูได้ความรู้สึกที่เป็น positive กลับไป เวลาคนเราทุกคนเจอปัญหา แล้วไม่กล้าข้ามไป หวังว่าถ้าได้มาดูหนังเรื่องนี้ จะทำให้รู้สึกมีความกล้าที่จะก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้น ก้าวข้ามกําแพงนั้นไป ต่อสู้กับปัญหานั้นได้ เพราะในหนัง ถ้าดูแล้วก็จะเห็นว่า มันมีวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ด้วยนะ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ อยากให้ดูแล้วมีกำลังใจ พร้อมที่จะตื่นมาแล้วมีแรงต่อสู้ในวันใหม่ต่อๆ ไป”

ถาม : อยากให้ฝากอะไรถึงคนไทยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้

ชิมิซุ ไคริ : “ผมอยากให้วัยรุ่นไทย คนรุ่นใหม่ของไทยได้ดูหนังเรื่องนี้ จะได้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นมีความรู้สึกอย่างไร ถึงแม้เราจะต่างชาติต่างภาษากัน แต่ก็มีความใกล้เคียงกัน อาจจะมองเป็นตัวอย่าง เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของตัวเองได้ครับ”

อิมาโมริ มายะ : “อยากชวนวัยรุ่นไทยมาดูหนังเรื่องนี้กันเยอะ ๆ จะได้รู้ถึงความคิดความรู้สึกการใช้ชีวิตของนักเรียนมัธยมปลาย หรือวัยรุ่นญี่ปุ่นมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าถ้าคนไทยได้มาดูหนังเรื่องนี้ ก็จะทำให้คนไทยคนญี่ปุ่นได้ใกล้ชิด ได้สนิทสนมกันมากขึ้นค่ะ”

ถาม : สุดท้าย คุณอากิปิดจบสวย ๆ ให้หน่อยครับ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้

ทาคาอิชิ อากิฮิโกะ : “หนังเรื่องนี้ตอนฉายที่ญี่ปุ่น มีคนดูหลายคนมาบอกผมว่า ดูหนังเรื่องนี้แล้วร้องไห้ เพราะหนังเรื่องนี้เล่าถึงความรู้สึกของคน ทําให้คนดูสะเทือนใจ อยากให้คนไทยพาคนสําคัญของคุณมาดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน มาร้องไห้ไปด้วยกัน ได้ความรู้สึกดีๆ กลับไปด้วยกัน อยากให้มาดูกันเยอะๆ ครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน”

————————-

“ความฝัน” หรือ “ความรัก” สิ่งสำคัญใดที่พวกเขาจะเลือกให้กับชีวิตของตัวเอง

Kokoro no Futa ~ Yuki Furu Machi De ~ ภาพยนตร์ดราม่าโรแมนติกวัยรุ่น ถ่ายทำที่จังหวัดนีงาตะทั้งเรื่อง ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่านักเรียนมัธยมปลายในจังหวัดนีงาตะ ที่กำลังใกล้จะเรียนจบในอีกไม่กี่เดือน ทุกคนต่างล้วนมีความฝัน ความกังวล และความขัดแย้งภายในใจที่กำลังอยู่ในการตัดสินใจอยู่

“ไอกะ” ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้อง และมีแมวมองจากเอเจนซี่ดังมาทาบทามเธอ

“ยาโยอิ” ที่สนใจในการเป็นเกอิชา แต่กลับไม่สามารถบอกแฟนของเธอ “เรียวสุเกะ” ได้

“ไม” เด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามากระทันหัน และกำลังค้นหาความฝันของตัวเองอยู่

ซึ่งในเส้นทางที่พวกเธอเลือกจะไป มาพร้อมกับทั้ง ความฝัน และ ความรัก ที่กำลังจะให้มาเลือกว่า จะเดินไปบนเส้นทางไหน? ก่อนที่จะจบการศึกษา

และนอกจากนั้น ภาพยนตร์จะพาไปสำรวจวัฒนธรรมของจังหวัดนีงาตะ ที่กำลังจะสูญหาย เพราะขาดคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

นำแสดงโดย โอโกเอะ ฮารุกะ (NGT48), คุซาโนะ เซย์กะ (เจ้าของรางวัล NYLON JAPAN, bea’s up, LOVE berry จาก TOKYO GIRLS AUDITION 2016) และ มายะ อิมาโมริ (ผู้คว้ารางวัลกรังด์ปรีซ์ Miss Magazine 2023)

Kokoro no Futa ~ Yuki Furu Machi De ~ ออกเดินทางสู่จังหวัดนีงาตะ และค้นหาคำตอบในเส้นทางที่พวกเขาเลือกกัน

ชมได้แล้ววันนี้ เฉพาะในโรงภาพยนตร์เครือ SF CINEMA เท่านั้น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Hoyayo•Japan

Special Thank : Hoyayo•Japan, เจมส์, พี่จิ

…………………………………..
วุฒิ พิศาลจำเริญ