ตัวเลขดังกล่าวข้างต้นนี้เกี่ยวกับ“โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล” หรือ “รพ.สต.” ที่ถูกเผยไว้ในเวทีสัมมนาวิชาการ “สร้างต้นแบบด้วยเครือข่าย : สู่ก้าวย่างที่มั่นคงของระบบสุขภาพปฐมภูมิ กรณีการถ่ายโอนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)”เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่จัดโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานเครือข่าย เพื่อเสนอผลศึกษาวิจัย…

กรณีภารกิจ “การถ่ายโอน รพ.สต.”

ที่พบ “อุปสรรคข้อจำกัดที่ต้องแก้”

ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยที่ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลวันนี้ จัดทำภายใต้การสนับสนุนจากทาง สวรส. เพื่อจะถอดบทเรียนกับหน่วยงานเครือข่าย และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ทั้ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ที่ถ่ายโอนแล้ว และที่ยังไม่ได้ถ่ายโอน เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ ควบคู่กับการส่งเสริมองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อให้ภารกิจดังกล่าวนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด เพื่อจะนำไปสู่ “ระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เข้มแข็ง”

ในเวทีสัมมนาดังกล่าว รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ในฐานะกรรมาธิการสาธารณสุข ระบุไว้ในการปาฐกถาพิเศษช่วงหนึ่งว่า… การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ไม่เพียงจำเป็นต้องเชื่อมโยงนโยบาย แต่ต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้ด้วย และมุ่งให้เกิดบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้ได้ ซึ่งการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิไม่ใช่ภารกิจแค่กระทรวงสาธารณสุข ยังมีหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก ที่จะต้องบูรณาการความร่วมมือภายใต้เป้าหมายเดียวกัน คือเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน โดยหนึ่งในแนวทางที่จะยกระดับและก้าวไปสู่เป้าหมายได้ ก็มีเรื่องของ…

ภารกิจ “ถ่ายโอน รพ.สต. สู่ท้องถิ่น”

เพื่อ “ยกระดับบริการสุขภาพปฐมภูมิ”

ด้าน ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รอง ผอ.สวรส. ระบุไว้ว่า… สวรส. สนับสนุนทุนวิจัย ขับเคลื่อนการกระจายอำนาจด้านสุขภาพ มาตลอด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 49 โครงการวิจัย หนึ่งในนั้นก็คือ โครงการวิจัยรูปแบบการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด” ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อศึกษาวิจัย และทดลองการ ยกระดับการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิของ อบจ. ที่นำร่องด้วยหลักเวชศาสตร์ครอบครัว ภายใต้กลไกคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการในพื้นที่นำร่องแล้ว 11 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ปราจีนบุรี กำแพงเพชร ปัตตานี น่าน เชียงใหม่ อุบลราชธานี สกลนคร ลำปาง สุโขทัย เพชรบูรณ์ …นี่เป็นความคืบหน้าการศึกษากรณีนี้

ขณะที่ รศ.ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา หัวหน้าโครงการวิจัยฯ ก็สะท้อนในเวทีถึงผลศึกษาที่พบไว้ว่า… การถ่ายโอน รพ.สต. ที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพปฐมภูมิได้ดีมากขึ้นอย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนภารกิจนี้ยังคงมีอุปสรรคและข้อจำกัดในบางพื้นที่ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้ภารกิจดังกล่าวทำได้ไม่สำเร็จ หรือทำให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์เต็มประสิทธิภาพจากการถ่ายโอนนี้ จึงนำสู่การจัดตั้งโครงการวิจัยดังกล่าว เพื่อให้เกิดความรู้อันจะนำไปสู่การใช้ประโยชน์ หรือก่อให้เกิดประโยชน์ทางวิชาการ และช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ชัดเจน

นอกจากนั้น โครงการวิจัยนี้ยังได้มีการจัดทำคู่มือแนวทางการสร้าง จัดการ และพัฒนาเครือข่ายการให้บริการประชาชนด้านสุขภาพปฐมภูมิตามทฤษฎีการจัดการเครือข่ายและเวชศาสตร์ครอบครัว ซึ่งแต่ละพื้นที่สามารถนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ได้อีกด้วย”…หัวหน้าโครงการวิจัยฯ ระบุประโยชน์งานวิจัยนี้

พร้อมกันนี้ ยังเผยไว้ถึง“ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย”เพื่อให้ภารกิจ “ถ่ายโอน รพ.สต.” ดำเนินต่อไปได้ราบรื่น ว่า… พบปัญหาที่ “จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไข” ดังนี้… 1.รัฐบาลควรพิจารณาระบบเงินอุดหนุนเป็นกรณีเฉพาะให้แก่พื้นที่ เช่น อบจ. ขนาดเล็ก ที่มีงบประมาณน้อย และมีการรับถ่ายโอน รพ.สต. หลายแห่ง, 2.หน่วยบริหารส่วนกลางควรเน้นการขับเคลื่อนเพื่อผลักดันกฎหมาย นโยบาย ให้มีผลในทางปฏิบัติ, 3.หน่วยบริหารส่วนกลางควรใช้กลไกมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยของรัฐมาช่วยสำหรับการพัฒนาและยกระดับการทำวิจัยเชิงพื้นที่ รวมทั้งเน้นพัฒนาศักยภาพหน่วยบริหารส่วนภูมิภาคให้มีภาวะผู้นำ รวมทั้งบูรณาการและสร้างเครือข่าย ในฐานะ “พี่เลี้ยงให้ อปท.” ที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในเวทีสัมมนายังมีการถ่ายทอดประสบการณ์จากพื้นที่ต้นแบบเพื่อให้พื้นที่อื่น ๆ นำไปประยุกต์ใช้ โดยมีประเด็น “องค์ประกอบที่สำคัญของภารกิจนี้” ที่นำมาแลกเปลี่ยน 6 หัวข้อ “การพัฒนา” ดังนี้… 1.พัฒนาเครือข่ายเวชศาสตร์ครอบครัว, 2.พัฒนาเครือข่ายทันตสาธารณสุขและการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่อง, 3.พัฒนาระบบการเงินและบัญชีของ รพ.สต. ที่ถ่ายโอน, 4.พัฒนา-บูรณาการตัวชี้วัดด้วยเทคโนโลยีการจัดการและแสดงผลข้อมูล, 5.พัฒนาระบบบริหาร รพ.สต. สังกัด อบจ. ในระดับพื้นที่ และ 6.พัฒนากลไกส่งเสริมสนับสนุน อบจ. ในระดับพื้นที่ …เหล่านี้ก็เป็น “ข้อมูลอัปเดต” เรื่องสุขภาพเรื่องนี้

ถ่ายโอน รพ.สต.”ให้ “สังกัด อบจ.”

ผ่านไประยะหนึ่ง “ยังมีโจทย์ให้แก้”

ก็ต้องแก้ “เพื่อสุขภาพประชาชน”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์