การเมืองโค้งสุดท้ายของปีมะโรง ร้อนแรงไม่หยุดและจะกลายเป็นชนวนร้อนข้ามปี บางคนบอกว่าเหมือนกับหายนะรออยู่ข้างหน้า

หลังนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ฮึกเหิมทำตัวพอง หวังกระชับอำนาจการเมือง ตีปี๊บส่งสัญญาณ “ทักษิณ”ตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว บอกให้รู้ไว้ว่าใครใหญ่

งานนี้หลายคนอดห่วงไม่ได้ว่า ออกมาเคลื่อนขยับเกมประกาศถือธงพรรคเพื่อไทยเต็มตัวภายใต้แบร์น “ชินวัตร”

การเดิมเกมครั้งนี้ของ “ทักษิณ” ถูกมองว่าเป็นการล้ำเส้นกลายเป็นเหิมเกริม จนศัตรูเก่า “สายอนุรักษ์นิยม”ต้องมาร่วมตัวกันแบบเฉพาะกิจอีกครั้ง แต่ยังปลุกม็อบไม่ขึ้น รอเลี้ยงกระแสหาจังหวะออก   

แต่การกระทำของ “ทักษิณ” อาจจะเป็นปัญหาในอนาคตขึ้นได้ หากปากพาไปโดย พูดฟาดดะ ที่ล่าสุดก็ออกมาด่าพรรคร่วมเป็น “อีแอบ” พร้อมจองกฐินล้างแค้นนักร้องซ่อนเงื่อนจนใครต่อใคร 

จับชีพจร “รัฐบาลสูตรพิสดาร” ว่า ปีหน้า (2568) จะมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ เพราะตอนนี้เหมือนกับเครื่องรวน ลากยาวไปถึงร่อแร่ ที่เกิดรอยร้าวกับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีความแตกแยกชัดเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ต้องไปฟังใครที่ไหนไกล เพราะออกจากปาก “ทักษิณ” เองที่ขึ้นพูดบนเวที ในงานอีเว้นท์ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ภายใต้โครงการเสริมศักยภาพ สส.และบุคลากรทางการเมือง ในฐานะวิทยากรพิเศษ ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่งสัญญาณ ฟาดแบบจงใจ ว่า วันก่อนมี พ.ร.ก.เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรค หลบ ป่วย อย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าหนี ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ตนเป็นคนเกลียดพวก อีแอบ ตรงไปตรงมา ง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา

 “แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาล คือ ต้องทำ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้วไม่เอาแล้ว รัฐบาลเป็นกลไกประชาธิปไตย มีหลายออปชั่น อยากส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนั้นไม่สวยเลย วันที่หายไปตอน พ.ร.ก.เข้า มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

เจอดอกนี้ทำเอาบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ออกอาการหงอ ปัดกันพัลวัน ไม่ใช่ “อีแอบ” แต่พรรคสายอนุรักษ์นิยมก็ออกมาย้ำถึงจุดยื่นทั้งเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการทำประชามติ

แต่ดูจากการประชุมสภา 18 ธันวาคม สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ( ฉบับที่.. ) พ.ศ….ไม่เห็นชอบร่างของวิปรัฐบาลที่ต้องการประชามติแบบเสียงข้างมากปกติชั้นเดียว โดยพรรคภูมิใจไทยโหวตสวนมติวิปรัฐบาล ยึดตามสว.สีน้ำเงิน ให้ใช้หลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบเสียงข้างมากสองชั้น  ทำร่างพ.ร.บ.ต้องชะงักไปอีก 180 วัน ถึงยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้  

นอกจากนี้ยังมีสส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้มาร่วมโหวต จำนวนมาก อาทิ 20 สส. กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ขณะนี้ไปสังกัดพรรคกล้าธรรม,พรรคเพื่อไทยมีจำนวน 9 คน, พรรคภูมิใจไทยมีจำนวน 9 คน, พรรครวมไทยสร้างชาติมีจำนวน 25 คน, พรรคประชาธิปัตย์มีจำนวน 13 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา มีจำนวน 6 คน , พรรคประชาชาติมีจำนวน 4 คน, พรรคไทรวมพลัง มีจำนวน 2 คน

ซึ่งทางพรรคร่วมไทยสร้างชาติออกมาอ้างว่าติดภารกิจไปช่วยน้ำท่วมจึงไม่ได้มาร่วมโหวตด้วย

จับอาการสายสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันแล้ว การอยู่ร่วมรัฐบาลเป็นไปด้วยความหวาดระแวง ตีชิ่งกันไปมา ไม่มีเอกภาพ จนทำให้ “นายใหญ่”ต้องออกแรงลงมาส่งสัญญาณเตือนสติ ย้ำทวงสัญญาพรรคร่วม ก่อนที่จะมาร่วมกันได้ตกลงอะไรกันไว้ก็ขอให้ร่วมทำกันด้วย ถ้าไม่ทำก็ขอให้บอกมา  

 จุดเริ่มเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลสะดุดล้มคว่ำทั้งกระดานได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังเจอคดีร้อนตีขนาบล้อมกรอบเข้ามาทุกขณะ

แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญปัดตกคดีชั้น 14 ของ “ทักษิณ” ที่ไปนอนพักรักษาตัวในช่วงที่ติดคุก แต่มีกระบวนการช่วยเหลือทำให้ไม่ได้ติดคุกสักวันเดียว และคดีแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ตรงปก เพราะเห็นว่าเป็นแค่การกล่าวอ้างยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน

แต่ก็ยังสลัดไม่หมดเพราะคนไปร้องมีเป็นหางว่าว ทั้งที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบปมชั้น 14 “ทักษิณ ชินวัตร “ป่วยทิพย์หรือป่วยจริง

ล่าสุด ป.ป.ช.จ่อเรียกเจ้าหน้าที่รัฐ 12 คน มาไต่สวนตรวจสอบกรณีที่ “ทักษิณ”อยู่ชั้น 14 ไม่ได้เป็นการติดคุกแม้แต่วันเดียว ท่ามกลางการจับตามองของสังคม

งานนี้จะได้เห็นว่าเจ้าพ่อตัวม็อบตัวเป้งทุกค่ายทุกสี ทั้ง จตุพร พรหมพันธุ์ นายแก้วสรร อติโพธิ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดร.คมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ต่างพร้อมใจกันออกมาตบเท้าให้กำลังใจป.ป.ช. แต่ก็เหมือนเป็นการกดดันให้ป.ป.ช.ฟันเจ้าหน้าที่ ลากไปสู่การให้ศาลพิจารณาสั่ง “ทักษิณ” ติดคุกใหม่จริงๆ

โดย “แก้วสรร อติโพธิ” นักวิชาการอิสระ ในฐานะที่เคยเป็นนักวิชาการด้านกฎหมาย และตรวจยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว มองได้ว่างานนี้หลักฐานและข้อกฎหมายชัดเจนว่า มีมูลความผิด และมั่นใจในการทำงานของป.ป.ช.จะไม่ช้า “หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมายถ้าหมายศาลให้ขัง และหากไม่มีการขังตามหมาย ต้องออกหมายใหม่กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจศาล ฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมือง ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้ จุดสำคัญศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช. เพราะคดีนี้เป็นคดีเจ้าหน้าที่”

ปี 68 รัฐบาลเจอศึกหนักแน่นอน เพราะไทม์ไลน์เวลาของกระบวนการในองค์อิสระที่บรรดาเหล่านักร้องไปยื่นไว้เริ่มขยับเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าม็อบตอนนี้ยังจุดไม่ติดแต่ก็จะชะล่าใจไม่ได้

อีกทั้งฝ่ายค้านก็ประกาศให้ประชาชนใครมีข้อมูลให้ส่งมาที่ฝ่ายค้านไว้เตรียมทำการบ้านชำแหระรัฐบาลบนเวทีสภา ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลแพทองธาร”

ถ้าฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ดก็สามารถเก็บแต้ม ทำให้เรื่องที่อภิปรายฯส่งต่อให้กับองค์กรอิสระตรวจสอบได้ก็สามารถปลุกกระแสให้ประชาชนให้ลุกขึ้นมาได้อีกรอบ

เมื่อไปผสมโรงกับกระแสรักษาชาติในประเด็น MOU 44 ประเด็นว้าแดง หรือลูกเรือประมง 4 คน ที่รัฐบาลยังช่วยไม่ได้ต้องถูกติดคุกอยู่ที่เมียนมาจะถูกปล่อยตัวออกมาในวันชาติเมียนมา จนถูกฝ่ายค้านกระซวกว่าเป็น “รัฐบาลหน่อมแน้ม” ขณะเดียวกันยังมีประเด็นเรื่อง นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย  “อันวาร์ อิบราฮิม” ตั้ง “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาช่วงเป็นประธานอาเซียนปี 2025 ซึ่งมีคำถามตามมาว่า จะทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยจริงหรือไม่ ซึ่งต้องจับตาดู

ต้องจับตาการเมืองปีหน้า 68 จะร้อนแรงขนาดไหน จะเป็นอย่างไร ต้องจับตาอย่ากะพริบ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับการเมืองไทย.