“ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2568 ที่ “นายกฯพี่อิ๊งค์” แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ไว้
งานวันเด็กปีนี้ “นายกฯพี่อิ๊งค์” จัดใหญ่จัดหนักส่งความสุขกระตุ้นรอยยิ้มให้เด็กยิ้มแก้มแทบแตก พร้อม ขอให้ทุกคนได้ภูมิใจในตัวเอง เมื่อเรารู้คุณค่าตัวเราเองอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งที่สุด สวยที่สุด รวยที่สุด แต่เราต้องรู้คุณค่าตัวเอง เราต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง จิตใจที่มีสติ ขอฝากข้อคิดสั้นๆ ให้น้องๆเติบโตขึ้นไปอย่างมีสติ ในการใช้ชีวิต รู้คุณค่าของตัวเอง และพร้อมที่จะพัฒนาประเทศชาติต่อไป และหวังว่าเด็กๆจะไม่ดื้อไม่ซน
เล่นเอาเด็กๆตอบรับจะไม่ดื้อไม่ซน เช่นเดียวกับ “รัฐบาลพรรคร่วม” โดยเฉพาะ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ “นายกฯแพทองธาร” หันไปจับแขน พร้อมถามกระเซ้าว่า “ดื้อรึเปล่า” ก่อนตอบเองว่า “มีแต่น่ารักไม่มีดื้อ” ทำให้ นายกฯอิ๊งค์ ถึงกับหัวเราะและบอกว่า “ท่านบอกว่ามีแต่น่ารัก ไม่มีดื้อ สรุปนายกฯดื้อสุด” มีเพียงคนเดียว
พร้อมย้ำว่า จะไม่มีปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในช่วงนี้ เพราะ “พ่อกับอิ๊งค์” ทำงานกันคนละสไตล์รัฐบาลยังทำงานร่วมมือกันดีเราคุยกันหลังไมค์แล้วยังทำงานได้อยู่
และงานนี้ “นายกฯแพทองธาร” ก็ออกมาตอบคำถามดราม่า ที่มีคนบอกว่า เรามีประเทศไทยตอนนี้มีนายกรัฐมนตรี 2 ว่า “เราเป็นพ่อลูกกันไม่ได้แข่งขันกัน มีอะไรเราคุยกันหลังไมค์ และไม่ได้คิดว่าการเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” พูดทั้งนโยบายและการเมือง บดบังรัศมี มันเป็นสไตล์ เราโตขึ้นมาในบ้านที่ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านพูดหากเรานำมาประยุกต์ได้มันคือสิ่งดี ทุกอย่างเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าฝ่ายค้าน นักวิชาการ รัฐมนตรี คุณพ่อเคยเป็นนายกฯมาก่อน ประสบความสำเร็จอย่างมาก รับฟังได้อยู่แล้ว “ถ้ารู้สึกไม่แฮปปี้เมื่อไหร่สื่อมวลชนต้องรู้หลังไมค์กันแน่นอน”
ดูอาการเหมือนจะสดใสแต่ดูแล้วข้างในเป็นโพรง พร้อมที่จะล้มได้ทุกเมื่อกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะเป็นประเด็นหลักที่ทำให้รัฐไปไม่รอดหลัง “ทักษิณ” ห้าวเป้งโดดขึ้นเวทีปราศรัยในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายกฯอบจ.) หลายสนาม ทั้งด่ากราด อีแอบ พาดพิงถึงโคตรพ่อแม่ แถมยังสบถ “พวกไอ้ควาย” เป็นอาการของการ กางปีกป้อง “นายกฯแพทองธาร” ลูกน้อยหอยสังข์
แต่อาการกร่างแบบนี้จะเป็นบูมเมอร์แรงย้อนศรปลุกความหมั่นไส้ สร้างศัตรูเกลื่อนเมือง เป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอย่าลืมว่าคดีร้อนยังคาอยู่ในองค์กรอิสระหลายคดีเมื่อไหร่ดวงตกระวังสหบาทาจะมาเยือน แม้ตอนนี้อาการหรืออำนาจจะหยุดไม่อยู่จนใครต่อใครรู้ว่าดีลการเจรจาลับลวงพราง ข้ามหัวจากไทยคู่ฟ้าไปสู่บ้านจันทร์สองหล้า ศูนย์กลางอำนาจที่แท้จริง มีตัวพ่ออย่าง “ทักษิณ”คอยบัญชาการอยู่
ช่วงนี้จึงเห็นภาพ “อนุทิน” ออกมาเผยว่าได้จูงมือ “เนวิน ชิดชอบ” คู่ปรับเก่า “ทักษิณ” เข้าพบเพื่ออวยพรปีใหม่ แม้ “อนุทิน” จะออกมาปฏิเสธ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ไปกินบะหมี่ไม่ได้กินมาม่า “ทักษิณ”ไม่ได้คุยเรื่องการทำงาน หรือประเมินสถานการณ์การเมือง ไม่ได้ถามเรื่องพวกนี้เลย มีเพียง“ทักษิณ”บอกว่า“นายกฯอิ๊งค์” ชมตนเรื่องการทำงาน สนับสนุนนายกฯอย่างดี ตนก็ฟังและยิ้ม
แต่การเข้าพบของคนการเมือง ทำเอาใครต่อใครคิดไปไกลอาจจะมีการเจรจาผลประโยชน์ลงตัวหรือไม่อย่างไร และประโยชน์ที่ว่าจะอยู่กับประชาชนหรือไม่
เนื่องจากปัญหารอยร้าว ปีนเกลียวกันของพรรคร่วมรัฐบาล ยังเกิดขึ้นแบบไม่หยุดหย่อนทั้งจากศึกเลือกนายกอบจ. และสมาชิกอบจ ที่มีการปราศรัยสาดโคลนแบบไม่ไว้หน้า
รวมทั้งยังมีศึกระหว่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับนายทุนที่ไม่ลงรอยกัน ยังไม่รวมศึกเกมประชามติการแก้ธรรมนูญที่มีการดึงเช็งเลื่อนออกไปอีกหนึ่งเดือนก็ยังลูกผีลูกคน
ขณะที่ฝ่ายค้านโหมโรงเตรียมฝึกซักฟอก โดย “ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดไทม์ไลน์เปิดศึกซักฟอก ด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกรอบเวลา คือ ช่วงเดือน ก.พ. น่าจะอยู่ที่ราวปลายเดือน ก.พ. ต้น มี.ค. หรือขยับไปสัปดาห์ที่ 2 เดือน มี.ค.ไม่ช้าไปกว่านี้
แย้มประเด็นมีหลายเรื่องทั้งระดับนโยบาย การบริหารราชการล้มเหลว การทุจริตคอร์รัปชัน อาทิ การเอื้อกลุ่มทุนผูกขาด เอื้อตัวบุคคลบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม นโยบายล้มเหลวเปลี่ยนไปมา แต่อาจมีบางเรื่องยังไม่เคยพูด มีข้อมูลจากหลังบ้านที่จะเห็นในการอภิปรายรอบนี้ อาจมีเซอร์ไพรส์บางเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ อยู่ในช่วงเช็กความถูกต้องของข้อมูล ถ้าเป็นเรื่องจริงจะได้เห็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขณะที่ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาย้ำ ยิ่งรัฐบาลล้มเหลวในเรื่องต่างๆ มากเท่าไหร่ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสให้ฝ่ายค้านสนับสนุนในการโหวตไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมปัญหา บาดแผล ความล้มเหลวทั้งหมด ดังนั้น ทุกเรื่องมีความเป็นไปได้หมด ขอยืนยันว่าการซักฟอกครั้งนี้เราเต็มที่แน่นอน มีเท่าไหร่ใส่หมด และระหว่างที่การซักฟอกยังมาไม่ถึง
และยังไม่รวมงานงอกเกี่ยวกับจีนเทาเกี่ยวกับ “ซิงซิง” หวัง ซิง อายุ 31 ปี นักแสดงซีรีส์ชาวจีน ถูกแก๊งจีนเทาหลอกให้บินจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มาแคสต์งานแสดงในเมืองไทย ตามติดเหตุการณ์การสั่งสังหารอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาในประเทศไทย ต้องขอชื่นชมตำรวจไทยโดยเฉพาะ ผบช.น.พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เด้งรับเกาะติดคดี จนจับมือยิงได้อย่างรวดเร็ว สะกัดไฟไม่ให้ลามบานปลายไปสู่ประเด็นการเมือง
แต่ต้องยอมรับว่าการมีงานงอกทั้งสองเหตุการณ์ เมื่อผสมปนเปกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ ประเทศไทยถูกโจมตีว่าเป็นประเทศทางผ่าน ไม่ต่างอะไรจากการเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ ภาคประชาสังคมรายงานว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์แฝงตัวเป็นไกด์ล่อลวงนักท่องเที่ยวมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การก่ออาชญากรรม ยาเสพติด ซึ่งจุดนี้ในระดับนโยบายรัฐบาล “นายกหญิง” ได้ดันเป็นวาระแห่งชาติต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
ที่สำคัญปัญหาเศรษฐกิจที่ได้ยิน แต่ “ทักษิณ ชินวัตร”ประกาศว่า จะทำให้คนไทยอยู่ดี กินดี ขณะที่ “นายกอิ๊งค์” ก็บอกว่าจะให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตอนนี้ทุกคนต่างชะเง้อคอรอ ผลงานรัฐบาลที่จับต้องได้จริงๆเป็นรูปธรรม เพราะฟังคนพ่นน้ำลายจนเกือบจะหมดความอดทนแล้ว
ต้องจับตาดูว่า “รัฐบาลแพทองธาร”ภายใต้ปีของ “พ่อทักษิณ” จะเร่งตีปี๊บทำให้คนไทยมีความสุขได้จริงหรือไม่