ทั้งนี้ “การศึกษา” เป็นรากฐานนำสู่การพัฒนา “ทุนมนุษย์” ทรัพยากรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ แต่ที่ผ่านมาในไทยยังพบปัญหาเด็กและเยาวชนไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาเป็นจำนวนมาก จากหลาย ๆ ปัจจัย…โดยหนึ่งในนั้นคือจาก ปัจจัยการไร้สัญชาติ ของเด็กที่เป็นบุตรคนกลุ่มน้อย-กลุ่มชาติพันธุ์ในไทย ซึ่งเป็นปัญหาต่อเด็ก และประเทศก็เสียโอกาสด้านทุนมนุษย์

นี่ก็เป็น “อีกหนึ่งเรื่องเด็กที่ต้องใส่ใจ”

ไทยยัง “ต้องแก้ปัญหาเด็กไร้สัญชาติ”

กลุ่ม “เด็กไร้สัญชาติ” นั้น…จะ ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการการศึกษาซึ่งกรณีนี้ก็ สะท้อนความไม่เสมอภาคทางการศึกษาในไทย และก็โยงกรณีทุนมนุษย์-ทรัพยากรมนุษย์ อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหานี้ก็มีนิมิตหมายที่ดีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเมื่อ 29 ต.ค. 2567 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์เร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล ให้แก่บุคคลที่อพยพมาอยู่ในไทยเป็นเวลานาน และบุตรที่เกิดในไทย (ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ 19 กลุ่ม) ที่รอการพิจารณากำหนดสถานะในปัจจุบันราว 483,626 คน ให้มีการพิจารณาสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือได้สัญชาติไทย รวดเร็วขึ้น โดยร่นเวลาพิจารณาจาก 270 วัน เหลือ 5 วัน สำหรับการขอมีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย (ใบสำคัญถิ่นที่อยู่) และร่นเวลาพิจารณาจาก 180 วัน เหลือ 5 วัน สำหรับการขอสัญชาติไทยของบุตรคนต่างด้าวที่เกิดในไทย

ทั้งนี้ เรื่องสัญชาติบุตรคนต่างด้าวที่เกิดในไทยนั้น มีแง่มุม “น่าคิด”ดังที่ กิตตินัย บวรชนะกุล ที่ปรึกษาประธาน กลุ่มแกนนำเยาวชนศุภนิมิต และจิตอาสา สปสช. ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้สะท้อนไว้ ซึ่งหลักใหญ่ใจความมีว่า… หากมติ ครม. ดังกล่าวดำเนินการได้เป็นรูปธรรม จะ “ปลดล็อกอุปสรรคทางการศึกษา” ของบุตรคนต่างด้าวที่เกิดในไทย ซึ่งที่ จ.กาญจนบุรี มีจำนวนมาก เพราะเป็นพื้นที่รอยต่อกับเมียนมา โดยที่ผ่านมานับแต่อดีตมีคนกลุ่มน้อยหลายชาติพันธุ์ อาทิ ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง มอญ ทวาย ขมุ ม้ง อพยพมาอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเมื่อมีบุตรแล้ว“มีปัญหาสัญชาติ”

เด็กกลุ่มนี้ก็จะ “มีปัญหาการศึกษา”

แล้ว “โยงถึงปัญหาทางสังคมในไทย”

ทาง กิตตินัย แจกแจงไว้ต่อไปว่า… ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้มีปัญหาการนำบุตรที่เกิดในไทยไปขอสัญชาติ เนื่องจากขาดความรู้ ไม่ได้คลอดบุตรที่โรงพยาบาลจึงขาดหลักฐานแจ้งเกิด มีความยากจนไม่มีเงินดำเนินการ อีกทั้งหลายกรณีใช้เวลานานในการพิจารณาสัญชาติ ทั้งนี้ อ.ทองผาภูมิ มีประชากรที่เป็นคนชาติพันธุ์มากกว่า 60% ของประชากร ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อการขอสัญชาติไทยทำได้ยาก หลายคนรอนาน 2-3 ปี ทำให้ เด็กและเยาวชนที่ไม่มีสัญชาติขาดโอกาสเข้าถึงความเสมอภาคทางการศึกษา แม้ในพื้นที่เปิดให้เด็กไม่มีสัญชาติไทยเรียนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้…แต่ก็เฉพาะในจังหวัด ที่สำคัญ การไม่มีสัญชาติไทยจะประสบปัญหาการสมัครงาน ที่ต้องมีสัญชาติไทย โดยเฉพาะการรับราชการ

ประเด็น “น่าคิดน่าพิจารณา” ก็คือ… เมื่อเด็กและเยาวชนชาติพันธุ์เหล่านี้ต้องหลุดจากระบบการศึกษา ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา เป็นจำนวนมาก ก็ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาการเสพและค้ายาเสพติด รวมถึงปัญหาการลักขโมยและปัญหาการท้องก่อนวัยอันควรที่ปัญหาอย่างหลังนี่ก็เพิ่มระดับปัญหาเรื่องสัญชาติ ซึ่งจากปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิด… ดังนั้น การได้สัญชาติไทย ที่จะทำให้เด็กและเยาวชนชาติพันธุ์เหล่านี้ได้รับความเสมอภาคทางการศึกษา จึงถือเป็นการแก้ปัญหาทางสังคมของประเทศ” …ที่ปรึกษาประธานกลุ่มแกนนำเยาวชนศุภนิมิตระบุไว้

โฟกัสที่เรื่องการ “สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา” เรื่องนี้นอกจากภาครัฐแล้ว ภาคส่วนอื่น ๆ ก็สามารถมีส่วนช่วยได้ อย่างเช่น โครงการ Zero Dropout : เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ที่ทาง แสนสิริ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการดำเนินการอยู่ โดยจัดทำมาตั้งแต่ปี 2565 นำร่องที่ จ.ราชบุรี เป็นโมเดลต้นแบบในการสร้างกลไกการเปลี่ยนแปลงการศึกษาขยายผลไปสู่จังหวัดอื่น ๆ นี่ก็น่าสนใจ ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยเหลือเด็กที่หลุดจากการศึกษาจากปัญหาต่าง ๆ รวมถึงปัญหาไร้สัญชาติ ให้ได้เข้าเรียน โดย แสนสิริ สนับสนุนทุน 100 ล้านบาท ผ่านนวัตกรรมการเงิน โดย “ออกหุ้นกู้เพื่อลงทุนทางการศึกษา” ถือเป็นเอกชนรายแรก และผลักดันการศึกษายืดหยุ่น “1 โรงเรียน 3 รูปแบบ” ได้แก่ เรียนในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อเป็นทางเลือกทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชน เพื่อแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษา

ทั้งนี้ การที่ ครม. เห็นชอบเร่งรัดการแก้ปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล รวมถึงหาก พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ มีผลบังคับใช้ ก็ย่อมส่งผลดีต่อการผลักดันโครงการ Zero Dropout : เด็กทุกคนต้องได้เรียน” นี้ด้วย ที่รวมถึงการจัดการหลักสูตรการเรียนการสอน เปิดโอกาสในการออกแบบหลักสูตรโดยบูรณาการองค์ความรู้พื้นบ้านและหลักสูตรแกนกลางโดยคนท้องถิ่น ที่จะช่วยให้จัดสรรเนื้อหาการเรียนที่เข้ากับวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ได้เหมาะสม และช่วยให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นไม่ถูกด้อยค่าหรือสูญหาย

นี่ก็อีกส่วน “ร่วมแก้ปัญหาที่เป็นลูกโซ่”

ร่วม “เติมทุนมนุษย์ทรัพยากรมนุษย์”

มีผลดีโยงถึง “แก้ปัญหาสังคมในไทย”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์