หนังแนวผี สยองขวัญเป็นประเภทที่คนชอบดูมาก เพราะมันคือจินตนาการความกลัวแบบที่เราเสพแล้วปลอดภัย คือถึงกลัวแต่สนุก อย่างในปีนี้ หนังไทยมีหนังผีนับสิบเรื่องที่ประกาศออกมาแล้ว ทางฟากหนังฝั่งฮอลลีวู้ดก็เยอะ หนังผีที่เริ่มเข้ามาตีตลาดในไทย นำมาฉายเยอะขึ้นคืออินโดนีเซีย ซึ่งชูจุดขายคือความโหด คิดว่า ปีนี้น่าจะเห็นหนังผีแดนอิเหนาเข้ามาร่วมสิบเรื่อง ทางฝั่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ก็เยอะ ( ยกเว้นจีนแผ่นดินใหญ่ ที่หนังผียังผิดกฎหมายในบ้านเขา ) ปีนี้หนังญี่ปุ่นเปิดต้นปีไปอย่างสวยงามด้วยเรื่อง house of Sayuri…บ้านผีอิหยังวะ

ชื่อไทยตั้งได้กวนประสาทจนน่าสนใจว่า เนื้อหาหนังมันมันมีความ“จูนิเบียว” (เป็นสแลงภาษาญี่ปุ่น อารมณ์ประมาณวัยรุ่นที่มีภาวะหลงผิดคิดว่าตัวเองโดดเด่นเพราะมีความรู้หรือพลังพิเศษซ่อนอยู่ ) หลังหน้าหนังที่ดูเป็นผีหลอนหรืออย่างไร หรือบางคนอาจเรียกว่า “หนังมันกาวมาก” อารมณ์แบบดูแล้วเหมือนคนสร้างเมากาวจนเพี้ยน หรือคนดูรู้สึกมึนๆ งงๆ หลังดูเหมือนเมากาว ..ซึ่งเรื่อง“เบียว”หรือ“กาว” จะพบได้มากในการพูดถึงสื่อบันเทิงญี่ปุ่น เพราะประเทศนี้ดูจะมีเอกลักษณ์ในการผลิตสื่อบันเทิงแบบหลุดโลก มีสีสัน ซับซ้อน เอกลักษณ์ของตัวเองชัดว่า “นี่ญี่ปุ๊น..ญี่ปุ่น” โดยเฉพาะพวกอานิเมะ มังงะ ประเภท “ตัวเอกมีพลังพิเศษแบบที่“คืออะไรวะ”มีหลายเรื่อง

เมื่อเข้าไปดูจบ ก็ต้องบอกว่า “หนังมันญี่ปุ๊น..ญี่ปุ่น” จริงๆ ความเบียว ความกาว เยอะ แต่ความพิเศษขั้นสุดคือ หนังสามารถยำอารมณ์ทั้งน่ากลัว โหด สยอง ตลก เศร้าไปจนถึงหดหู่ และส่งสารเรื่องการมีพลังชีวิตที่ดีให้คนดูได้แบบกลมกลืนแนบเนียนเป็นเนื้อเดียวไม่สะดุด ซึ่งเท่าที่นึกๆ ดู หนังที่พลอต หรืออารมณ์หักไปหักมาแบบนี้ เท่าที่จำได้คือเรื่อง vanilla sky ที่ Tom Cruise แสดงกับ Penelope Cruz ซึ่งรีเมคจากหนังสเปน Open your eyes อีกที..เรื่องนี้ผสมทั้งหนังโรแมนติก หนังลึกลับ หนังไซไฟ หนังสอนศีลธรรม

House of Sayuri บ้านผีอิหยังวะ ระวังบ้านหลังนี้ให้ดีมันซ่อนความลับสุดสยองไว้  เผยใบปิดแรก

***บทความต่อไปนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***

บ้านผีอิหยังวะ เรื่องย่อก็เป็นไปตามตัวอย่าง คือ สมาชิกครอบครัวที่ประกอบด้วยปู่ ย่า พ่อ แม่ ลูกสามคน เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านมือสอง ซึ่งบ้านหลังนี้เคยมีประวัติไม่ดี ว่า มีวิญญาณชื่อซายูริเป็นเจ้าที่อยู่ และในช่วงแรก หนังจัดความสยองแบบจัดเต็มทั้งบรรยากาศมืด เย็นเยียบ ทั้งตุ้งแช่ ( jump scare ) ความโหดคือ ผีตัวนี้ฆ่าเป็นฆ่า แบบเอาตายจริงเพื่อไล่ผู้บุกรุกออกจากบ้าน คนในครอบครัวทยอยตายทีละคน ๆ จนเหลือแต่ย่าที่เป็นอัลไซเมอร์ กับตัวลูกชายคนกลาง

ในคืนหนึ่งที่ผีซายูริปรากฏตัว อยู่ๆ ความเบียวก็บังเกิด อาม่าอัลไซเมอร์แปลงร่างเป็นป้าสุดเท่ ลุกขึ้นมาไล่ผี โดยคว้าตัวหลานที่ออกจะขี้กลัว ไม่สู้คนมาตบเรียกสติ ..มาถึงตรงนี้หนังหักจากหนังสยองขวัญไปหนังตลกได้หน้าตาเฉย โทนทั้งหมดยังเป็นหนังผี แต่โจทย์ประหลาดเกิดขึ้นแล้วคือ “หนังผีที่ตัวเอกไม่กลัวผี”  และมันซ่อนเรื่อง “พลังแห่งชีวิต” ที่หลายๆ คนน่าจะเอาไปปรับใช้ในยุคที่คนเรามีความเครียด ความซึมเศร้าเยอะขึ้น ..

ย่าอัลไซเมอร์ที่เปลี่ยนเป็นอาม่าพลังใบ ลากหลานไปทำสิ่งแรกคือ“อาบน้ำ” นัยยะคือการปรับเปลี่ยน การทำความสะอาดจัดการร่างกายก่อน เพราะร่างกายที่อมด้วยความสกปรก โรค ความกลัว คือร่างกายที่ไม่มีพลังจะต่อสู้ใดๆ เมื่อกลับมา อาม่าสั่งหลานให้เก็บของให้หมดๆ อะไรไม่จำเป็นทิ้งเสีย ไม่ต้องอาลัยแก่มัน เก็บกวาดบ้านให้สะอาด ตรงไหนมันสลัวทึบทึมมากก็ใช้ไฟสาดเข้าไปให้เห็นถ้วนทั่วบริเวณ เปิดหน้าต่างประตูให้อากาศและแสงถ่ายเท

มันเป็นแนวคิดที่เขาก็สอนๆ กันเรื่อง “ชีวิตจะดีขึ้นจากการจัดบ้าน” หรือจะเรียกว่าการ“ปรับฮวงจุ้ย” ก็คงได้ เปิดให้แสงและอากาศปลอดโปร่ง ถ่ายเท ข้าวของไม่วางรก มันก็เป็นหลักพื้นฐานของการใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้นตั้งแต่ในบ้าน เข้ามาก็ปลอดโปร่งไม่ใช่เหนื่อยๆ จากทำงานกลับมาเห็นสมบัติบ้าเต็มจนอึดอัด … เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี โปร่งสะอาด โรคภัยไข้เจ็บก็น้อยลง ..มีภาพหนึ่งในหนังที่เอาไปเปรียบเทียบคืออดีตของซายูริ ที่มีอาการฮิคิโคโมริ หรืออาการเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เพราะมีปัญหากับการเข้าสังคม ซึ่งในประเทศที่มีการแข่งขันสูง มีการกลั่นแกล้งรังแกกันสูงอย่างญี่ปุ่น เด็กวัยรุ่นที่มีอาการเช่นนี้ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ในขณะที่สังคมไทยอาจเรียกได้ว่า เป็นอาการซึมเศร้ารูปแบบหนึ่ง

ภาพแดดเหลืองๆ กับซายูริตอนยังมีชีวิตที่เก็บตัวอยู่ในห้องที่มีแต่ขยะหมักหมม มันรู้สึกถึงมวลอากาศที่นิ่ง ชวนให้รู้สึกซึมเศร้า ..บรรยากาศที่คนถูกกักขังไปไหนไม่ได้ ดูไม่มีอิสระนี่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งให้เกิดการฆ่าตัวตายในเขตหนาว ความอับทึมมันทำให้เกิดพลังด้านลบ และพลังนั้นอวลสะสม กดทับลงมาเรื่อยๆ ..การสร้างสภาพแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาทางใจ เอาแค่สภาพทางกายภาพก่อนยังไม่ถึงกับสภาพสังคม การสัมผัสธรรมชาติก็ช่วยให้คนเราผ่อนคลายได้มาก การท่องเที่ยวทะเลหรือป่า ภูเขา ได้รับความนิยม เพราะแค่คำว่า “เปลี่ยนบรรยากาศ” สำหรับหลายคนโดยเฉพาะพวกมนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานตามกะทุกวัน ก็รู้สึกเหมือนได้ฉีดวิตามินชีวิตเข้าตัว

ต่อมา อาม่าสายเบียวก็ปลุกพลังหลานชาย ให้ออกไปวิ่งเพื่อเตรียมกายให้พร้อมสู้กับผี และจับฝึกวิชาไทเก๊ก เพราะ “เป็นท่ารำเพื่อสร้างความสุข” ..เป็นการสานต่อจากการปรับสถานที่บ้าน การออกกำลังกายทำให้คนเราหลั่งสารเอนโดรฟิน หรือสารที่ทำให้เกิดความสุข และยังเพิ่มความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว ..สองอย่างนี้มันดูเป็น “กระบวนทรรศน์เพื่อสุขภาพ” ที่ใช้ได้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงทั้งโรคทางกายและทางใจ หนังสื่อสารประเด็นนี้ออกมาแบบเบียวๆ ที่ดูสนุก ไม่ยัดเยียด..จนอยากให้คนเครียด คนซึมเศร้า ( ที่ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้ยา ) ไปดูเพื่อปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ที่ไม่ได้ทำยาก แค่เริ่มให้ได้ ปรับปรุงห้อง บ้านรกๆ ดู เริ่มออกกำลังกายดูแล้วจะรู้สึกว่า อะไรๆ ดีขึ้น

อาม่าสอนให้หลานชายไม่ต้องกลัวซายูริแม้นางจะปรากฏตัว อย่างมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผีโผล่ขึ้นมากลางวันแสกๆ อาม่าแค่บอกว่า “ถ้าเราไม่กลัวมัน มันก็ทำอะไรเราไม่ได้” แล้วก็เดินทะลุตัวผีไปหยิบสาหร่ายมากินหน้าตาเฉย ..เออ เป็นวิธีคิดที่น่าสนใจ ว่า บางครั้งความกลัวมันเกิดจากการคิดไปก่อนเอง โดยเฉพาะกลัวปัญหา ถ้าเรากล้าเผชิญหน้ามัน มันจะเหลือเล็กนิดเดียว..เหมือนในเรื่อง It ของสตีเว่น คิง ที่สุดท้ายเมื่อเด็กๆ ไม่กลัวไอ้ตัวเพนนี่ ไวส์ มันก็เหี่ยวตายไปเอง เพราะที่ผ่านมามันโตได้ด้วยความกลัว

หนังดูเหมือนจะเปลี่ยนอารมณ์ไปแต่ละองก์ให้ต่างกัน อย่างองก์แรกเป็นเรื่องสยอง องก์สองมาตลก และเข้ามาถึงองก์ 3 ซึ่งเป็นองก์จบ ผสมทั้งความสยอง ความโหดไว้ด้วยกัน เมื่ออาม่าหาวิธีไล่ผีอีซายูริโดยเห็นว่า “ต้องไปหาสาเหตุของปัญหาให้ได้ว่าทำไมอีผีตัวนี้ยังอยู่บ้าน” ซึ่งอีตัวต้นเรื่องก็ต้องเป็นครอบครัวซายูริ อาม่าก็ไปตามตัวมาแบบ..อย่างโหด..เอาเข้ามาในบ้านให้ซายูริชำระความ ก่อนที่หนังจะเข้าสู่อารมณ์หดหู่

ซายูริถูกทำให้เป็นปีศาจเพราะคนในครอบครัวเมินเฉยต่อความรุนแรงที่เธอถูกกระทำ ในวัยเด็ก ซายูริเป็นเด็กผมยาวที่สดใสร่าเริงชอบวาดภาพ แต่ต่อมาก็โดนพ่อแท้ๆ ข่มขืน ( พ่อส่งสัญญาณโดยการจับผมเธอและบอกว่าเธอสวย ) พ่อคงจะทำต่อเนื่องหลายครั้งโดยที่แม่รับรู้แต่ไม่เคยปกป้องลูกสาวได้ ( ซึ่งหนังไม่อธิบายว่าเพราะอะไรแม่ถึงไม่กล้าทำอะไรพ่อ ) จนวันหนึ่งซายูริทนถูกย่ำยีไม่ได้ คว้าชะแลงมาฟาดหัวพ่อแล้วขังตัวเองในห้อง..ภาพที่เราเห็นคือเด็กคนหนึ่งห้ำผมตัวเองทิ้งเพราะมองว่า นี่คือต้นเหตุที่เธอต้องเจอชะตากรรมร้าย ..มันรู้สึกแสนเศร้า ..เด็กคนหนึ่งภูมิใจในผมของตัวเองว่ามันสวย แต่เมื่อมันนำภัยมา ความภูมิใจนั้นก็ถูกทำลายยับเยิน จนไม่รู้ว่า ชีวิตต่อไปจะมั่นใจหรือกล้าในเรื่องไหนได้อีก

จากนั้น ซายูริเก็บตัวในห้อง เป็นฮิคิโฮโมริ ..จากเด็กสาวผมยาวหน้าตาสะสวย กลายเป็นคนตัวอ้วนใหญ่ หน้าสิวเขรอะ ผมสั้นหากถูกห้ำจนดูรุงรัง ใช้ชีวิตโดยกินขอบขบเคี้ยวอยู่ตลอดเวลาในห้องทึบๆ ..ขณะที่น้องสาวของซายูริกลายเป็นทอมบอย คาดว่า คงไม่อยากโดนชะตากรรมเหมือนพี่สาว ในวันหนึ่ง ซายูริอาละวาดและถูกคนที่บ้านฆ่าตาย เอาศพไปซ่อน แล้วขายบ้านย้ายออกมา ความซวยจึงมาตกที่ครอบครัวอาม่า เพราะซายูริยังอาฆาตแรง อาม่านำพ่อ แม่ พี่สาวของซายูริมาให้ผีแก้แค้นได้แบบสะใจ โดยเฉพาะที่คนพ่อโดน

ในองก์นี้ พูดถึงเรื่องปัญหาความรุนแรงในครอบครัวโดยตรง ว่า “คนในครอบครัวเองก็ยังเมินเฉยต่อผู้ถูกกระทำ” เราเห็นข่าวบ่อยมากในไทยที่อ่านแล้วสะอิดสะเอียน คือการที่พ่อข่มขืนลูก ทั้งพ่อแท้ๆ หรือพ่อเลี้ยง หรือแม่เป็นคนยอมให้พ่อกระทำกับลูกสาว บางรายถูกกระทำยาวนานจนตั้งครรภ์ แม้กระทั่งลูกชายก็เสี่ยงโดนล่วงละเมิดทางเพศในบ้านได้ เราได้แต่ประณามหยามเหยียดบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แต่เราต้องมีบทเรียนอีกข้อหนึ่งคือ “การใช้ชีวิตต่อไปของคนที่ได้รับผลกระทบ” ใครเข้ามาดูแลเยียวยา หรือปล่อยไปตามยถากรรมให้กลายเป็น“ปีศาจร้าย”แบบซายูริอีกตัว ..คดีล่วงละเมิดทางเพศในไทยมีสูงมาก และจำนวนมากเป็นเหตุเกิดในครอบครัว เราจะสอนไปยังคนทุกระดับในสังคมอย่างไร ว่า ลักษณะไหนคือการละเมิด เด็กป้องกันตัวอย่างไร คนใกล้ชิดในครอบครัวจัดการกับผู้ละเมิดอย่างไร

การถูกล่วงละเมิด หรือประสบความรุนแรงทางเพศ ถ้าเหยื่อไม่ได้รับการเยียวยาด้วยความเห็นอกเห็นใจ หรือปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เกิดความปลอดภัยดีพอ บาดแผลที่ฝังในใจพร้อมจะเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นผู้กระทำใหม่ กลายเป็นฆาตกร เราคงเคยอ่านเจอบางคดีในต่างประเทศ ที่ฆาตกรเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศมาก่อน ส่วนข่าวในไทยยังไม่ค่อยเห็นว่า มีการเก็บข้อมูลตรงนี้ไว้ ซึ่งควรจะเก็บเพื่อให้รู้ว่า การล่วงละเมิดทางเพศเป็นตัวแปรสำคัญหนึ่งที่ทำให้เกิดอาชญากรขึ้นมาได้ เช่นนี้แล้วจะหาทางแก้อย่างไร ดูแลผู้ตกเป็นเหยื่ออย่างไร

สรุปว่า ซายูริ เป็นหนังผีเบียวๆกาวๆ ที่มีนัยยะการใช้ชีวิต สะท้อนปัญหาครอบครัวที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกของปีที่อยากแนะนำให้ไปดูกัน.

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่