ท่ามกลางสังคมไทย ยังเดินหน้ารุมขุดคุ้ยข้อมูล เรียกว่าแทบจะลากไส้ การก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กันแบบละเอียด ทั้ง ตำรวจดีเอสไอ สืบสวนขยายผล คดีตึก สตง.ถล่ม แบบกัดไม่ปล่อย ประเดิม จับกุมคดีนอมินี เป็นเรื่องแรก คงต้องถูกบันทึกไว้เป็นอีก คดีประวัติศาสตร์

ไม่น่าเชื่อจากภัยพิบัติธรรมชาติ โศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว 28 มี.ค.68 ยังบานปลายกลายเป็น น้ำลดตอผุด จากหน่วยงาน สตง.ที่ขึ้นชื่อ เรื่องตรวจสอบบรรดาหน่วยงานรัฐ การใช้เงินแผ่นดินให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชน แต่ สตง.กำลังถูกตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลในหลาย ๆ เรื่อง ของโครงการก่อสร้างตึก สตง.?

ขณะที่สังคมกำลังตามรอดูผล ใครบ้างจะต้องรับผิดชอบ ตึก สตง.ถล่ม แต่มีอีกเรื่องราวที่มองข้ามผ่านไปไม่ได้เช่นกัน ปัญหา กลุ่มนายทุนใหญ่กลุ่มมีสีมีอิทธิพล บุกรุกทำลายป่าเขาทรัพยากรธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 68 ทีมข่าวเดลินิวส์ ตีแผ่ปัญหา รุกผืนป่าภาคตะวันออกหลายจังหวัดไล่ตั้งแต่ จ.ตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จนทำให้ ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และ ตำรวจ ปทส. ระดมกำลังออกไปจับกุมดำเนินคดี พื้นที่บุกรุกป่า-ขุดภูเขา ทั้งหมด 14 คดี เนื้อที่ 3,700 ไร่ อยู่ใน จ.จันทบุรี 11 คดี, ตราด 2 คดี และ ฉะเชิงเทรา 1 คดี

สภาพภูเขาใน จ.จันทบุรี ถูกบุกรุกขุดไถตีแปลงเป็นแนวขั้นบันได ปลูกทุเรียน ส่วนใน จ.ฉะเชิงเทรา นายทุนใหญ่ รุกเงียบแผ้วถางผืนป่าสงวนฯ จนกลายเป็นแปลงทุเรียนขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ใครเห็นภาพข่าวต่างตะลึงไปตาม ๆ กัน


หากเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ตาสียายสา ป่านนี้ถูกจับกุมดำเนินคดี ส่งตัวฝากขังเข้าเรือนจำกันไปเรียบร้อย

คดีบุกรุกผืนป่าตะวันออกยังไม่ทันจะจบ คราวนี้เป็นผืนป่าฝั่งตะวันตก บริเวณป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อยู่ในอาณาบริเวณแหล่งมรดกโลกอันอุดมสมบูรณ์ทั้งต้นไม้นานาพันธุ์และสัตว์ป่าหายาก เพราะเชื่อมต่อทั้งในพื้นที่ จ.ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

กลุ่มพรานป่า ลักลอบเข้าไปยิงกระทิง เก้ง กวาง และอีเห็น ในผืนป่ามรดกโลกแก่งกระจาน ถึงขั้นนำเนื้อกระทิงออกมาขาย กระทั่ง จนท.อุทยานฯแก่งกระจาน ได้เบาะแสต้องสนธิกำลัง ตำรวจทหารฝ่ายปกครอง เข้าไปร่วมจับกุม 2 พรานป่าในบ้าน พื้นที่ป่าหุบป่ากล้วย บ้านแม่คะเมย ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน ได้ของกลางจำนวนมาก ทั้งปืนยาวไรเฟิล, ปืนลูกซองยาว, ปืนขนาด.22 กระบอกเก็บเสียง เครื่องกระสุนนานาชนิด อุปกรณ์ดักสัตว์ และซากกระทิง ฯลฯ

ที่สำคัญ ยังพบ อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16-A1 ที่ยึดได้อีก 1 กระบอก เชื่อมโยง กลุ่มคนมีสี ใช้อาวุธสงครามเข้าไปล่าสัตว์ในป่าแก่งกระจาน “กระทิง” เป็นสัตว์เป้าหมายถูกล่าไปแล้วมากกว่า 5 ตัว ยิ่งไล่ตรวจปืนเอ็ม16-A1 เบื้องต้นพบถูกจำหน่ายออกมาจากสารบบของหน่วยงานทหารแห่งหนึ่ง นอกจาก จนท.อุทยานฯ จะแกะรอยเส้นทางอาวุธปืนแล้ว ยังตรวจสอบที่พักของ กลุ่มพรานล่ากระทิง มีทั้งบ้านพักตากอากาศและที่ดินอีกกว่า 50 ไร่

กลายเป็นว่า จากจับกุม คดีล่าสัตว์ป่า และ อาวุธปืนสงคราม บานปลายกลายเป็น คดีบุกรุกพื้นที่อุทยานฯแก่งกระจาน ตรวจสอบจุดแรกพบ 50 ไร่ หลังรายงานให้อธิบดีอุทยานฯรับทราบ จึงเปิดปฏิบัติการรื้อถอนบ้านพักตากอากาศทันที ส่วนจุดที่สอง เข้าไปตรวจสอบแล้ว รุกพื้นที่อุทยานฯ เกือบ 100 ไร่ เร่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเช่นกัน

ถือเป็นอีกคดีที่ไม่ธรรมดา เจ้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ รับรู้บ้างหรือยัง? รุกผืนป่ามรดกโลกไม่พอ ยังใช้อาวุธปืนสงครามลอบล่ากระทิง ถ้าไม่ใช่ “กลุ่มคนมีสี-ผู้มีอิทธิพล” อยู่เบื้องหลัง คงไม่กล้าเย้ยกฎหมายกันขนาดนี้!!.

……………………………………….
เชิงผา

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…