ทั้งนี้ กรณีในไทยเห็นว่าจริง ๆ เป็นคอนเทนต์กินอาหารบางชนิดที่ทำออกมาให้รูปร่างหน้าตาเลียนแบบของใช้ แต่ก็ถูกระบุว่าอาจทำให้เด็ก ๆ เลียนแบบด้วยความเข้าใจผิดจนเกิดอันตราย ส่วนกรณีในต่างประเทศเป็นคอนเทนต์กินของที่ไม่ใช่อาหารจริง ๆ อย่างพวกเครื่องสำอาง ซึ่งจะเกี่ยวกับการเสียชีวิตหรือไม่?…ก็ว่ากันไป อย่างไรก็ตาม หากโฟกัส “กินของที่ไม่ใช่อาหาร”ที่ไม่เกี่ยวกับ 2 กรณีข้างต้น โฟกัสทางการแพทย์ ถ้าชอบทำพฤติกรรมแบบนี้อาจ “เป็นโรคชนิดหนึ่ง”คือโรค…

พิก้าซินโดรม” หรือ พิคาซินโดรม”

หรือภาษาอังกฤษ Pica Syndrome”

เกี่ยวกับโรค “พิก้าซินโดรม” หรือภาษาอังกฤษ “Pica Syndrome” นี่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นข้อมูลโดย ศจี แซ่ตั้ง นักจิตวิทยาคลินิกปฏิบัติการ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต ที่ได้มีการจัดทำบทความเผยแพร่ไว้ ซึ่งโดยสังเขปนั้นมีว่า… ภาวะหรืออาการผิดปกติ หรือโรค Pica Syndrome หรือ “โรคชอบกินของแปลกที่ไม่ใช่อาหาร” นั้น… เป็นโรคเกี่ยวกับการกิน ที่ผู้ป่วยรู้สึกอยากกิน หรือกิน สิ่งที่ไม่ใช่อาหาร และไม่มีคุณค่าโภชนาการ

สำหรับ “ชื่อโรค” นั้น มีที่มาจาก “ชื่อของนก” ในสายพันธุ์ Eurasian magpie ที่มีชื่อเป็นทางการในภาษาละตินว่า Pica” นั่นเอง โดยเป็น นกที่มีชื่อเสียงในเรื่องการกินสิ่งที่ไม่ปกติ ซึ่งโรคพิก้าซินโดรมอาจเป็นเรื่องปกติและไม่มีอันตราย แต่…หาก กินสิ่งที่เป็นพิษ สิ่งที่มีอันตราย หรือวัตถุที่เป็นโลหะ ก็จะเกิดปัญหาสุขภาพได้ โดยโรคนี้เป็นภาวะอยากบริโภคสิ่งที่ไม่ถือเป็นอาหาร ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย …นี่เป็นคำอธิบายโดยสังเขปของโรค Pica ซึ่งโรคนี้…

พบในเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ มากที่สุด

ในบทความโดยนักจิตวิทยาคลินิกปฏิบัติการ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต ยังระบุถึง “กลุ่มเสี่ยง” ไว้ว่า… โรค “พิก้าซินโดรม” นี้ กลุ่มเสี่ยงที่จะมีภาวะดังกล่าวนี้ พบได้บ่อยใน 3 กลุ่ม คือ… กลุ่มที่ 1 เด็กเล็ก” โดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 6 ปี กลุ่มที่ 2 สตรีมีครรภ์” และกลุ่มที่ 3 ผู้มีภาวะสุขภาพจิตบางประการ” เช่น ผู้ป่วยออทิสติก บกพร่องทางสติปัญญา ป่วยโรคจิตเภท

ขณะที่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ มีการระบุไว้ว่า… ปัจจุบันยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของโรคนี้ แต่จากการวิจัยพบว่า… มีปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคได้แก่… ปัจจัยทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น การปฏิบัติหรือความเชื่อทางวัฒนธรรมที่อาจมีบทบาทต่อการเกิดภาวะ Pica ในบางวัฒนธรรม, การขาดสารอาหาร โดยโรค Pica มักพบในผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี ขาดแร่ธาตุ วิตามิน โดยร่างกายอาจต้องการสิ่งที่ไม่ใช่อาหารเพื่อให้ได้สารอาหารที่ขาดหายไป อย่างเช่น ความอยากน้ำแข็ง มักเกี่ยวข้องกับโรคโลหิตจางหรือจากการขาดธาตุเหล็ก

ปัจจัย ภาวะสุขภาพจิต โรคนี้สามารถเชื่อมโยงความผิดปกติทางสุขภาพจิตบางอย่าง เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือโรคออทิสติก ซึ่งผู้มีอาการเหล่านี้อาจแสดงพฤติกรรมซ้ำ ๆ รวมถึงบริโภคสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร, การตั้งครรภ์ ในสตรีมีครรภ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก อาจพบว่ามีภาวะ Pica ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และความต้องการทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ และสุดท้าย ปัจจัยเชิงลบในวัยเด็ก พบได้ในเด็กที่อยู่ในสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ไม่ดี เด็กที่ถูกทารุณกรรม-ถูกทอดทิ้ง ที่อาจมีพฤติกรรมนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจ เป็นต้น …เหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจ “กระตุ้นให้เกิดภาวะ”

ภาวะ “กินของที่ไม่ใช่อาหาร!!”

เกี่ยวกับอาการของโรค “พิก้าซินโดรม” นั้น จะมีเพียงอย่างเดียว คือ… กินสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร หรือสิ่งที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งที่พบโดยทั่วไปก็จะมีอาทิ… กินขี้เถ้า, แป้งเด็กหรือแป้งฝุ่น, ชอล์ก, ถ่าน, ดินเหนียว, กากกาแฟ, เปลือกไข่, เส้นผมหรือเส้นด้าย, กระดาษ, ผ้าหรือขนสัตว์, ก้อนกรวด, สบู่, อาหารสัตว์, อุจจาระสัตว์ต่าง ๆเป็นต้น

ส่วนการ “วินิจฉัย” ภาวะPica Syndrome” ในบทความเผยแพร่ดังกล่าวได้ระบุไว้ว่า… มีเกณฑ์ดังนี้… 1.กินสิ่งที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน, 2.กินสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ, 3.กินสิ่งที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม โดยในบทความนั้นทาง ศจี แซ่ตั้ง ในฐานะ นักจิตวิทยาคลินิกปฏิบัติการ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต ได้ระบุเน้นไว้ว่า…กรณีที่ “เกิดความผิดปกติด้านการกิน ร่วมกับความผิดปกติด้านจิตใจ กรณีนี้ต้องรีบพบแพทย์” เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ภาวะอาการหรือโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วโลก และเกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิงและชายเท่า ๆ กัน โดยยังไม่มีตัวเลขทางระบาดวิทยาที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่พบในเด็ก อย่างไรก็ตาม ถ้าพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นกับเด็กอายุ 18 เดือนถึง 2 ปี ทางการแพทย์จะไม่ถือเป็นความผิดปกติ เนื่องจากเด็กช่วงวัยนี้ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่า…สิ่งใดกินได้-ไม่ได้ ซึ่งแม้ความผิดปกติเกี่ยวกับการกินเป็นปัญหาที่พบเจอได้ไม่บ่อย แต่ก็มีความสำคัญทางคลินิก จึง ถูกจัดอยู่ในโรคทางจิตเวช ด้วย …เหล่านี้เป็นข้อมูล-คำอธิบายโดยสังเขป “โรคชอบกินของที่ไม่ใช่อาหาร”หรือ “พิก้าซินโดรม” ซึ่งถึงแม้จะดู “แปลก” แต่ก็ “มีจริง ๆ”

โรคทางจิต “Pica”…นี่ไม่ใช่คอนเทนต์

นี่ “คนละกรณีกับการโชว์กินของใช้”

และ “โกงกินอิฐหินดินทรายเหล็ก”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์