ปฏิเสธไม่ได้ว่า เก้าอี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มีความสำาคัญไม่น้อยต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เพราะมีบทบาทต่อการกำกับทิศทางภาคการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารรัฐ ธนาคารพาณิชย์นอนแบงก์ ซึ่งมีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านล้านบาท รวมถึงดูแลทิศทางดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ตลอดจนกฎระเบียบทางการเงิน ให้มีสภาพที่เหมาะสม เอื้ออำานวยต่อการเติบโตเศรษฐกิจประเทศอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ เก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.กำลังถึงวันที่จะต้องผลัดใบอีกครั้ง โดยอยู่ระหว่างเปิดสรรหาคนใหม่ มาแทนที่ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนปัจจุบันที่จะครบวาระ 30 ก.ย. ซึ่งล่าสุดมีผู้สมัครร่วมชิงชัยถึง 7 คน มีจำานวนมากที่สุดในรอบหลายปี ในโอกาสนี้เราไปฟังมุมมองของประชาชน หลากหลายอาชีพ รวมถึงภาคธุรกิจที่มาแชร์ความเห็นว่า สเปกผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ควรเป็นอย่างไร และอยากให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจอะไรบ้าง
ไม่เอื้อทุนใหญ่ ดูแลรายย่อย
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มองว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คาดหวังว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรมีบทบาทของผู้นำาการเปลี่ยนแปลง ที่ต้องมีจิตวิญญาณเข้าใจเศรษฐกิจฐานรากของประเทศเป็นสำาคัญ และอยากให้สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำาทางการเงิน การธนาคาร กำกับบริหารจัดการนโยบายดอกเบี้ยให้เหมาะสม ตลอดจนควบคุมดูแลมาตรฐานการดำาเนินธุรกิจสถาบันการเงินให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยไม่เอารัดเอาเปรียบประชาชน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ ให้เร่งหาวิธีการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ลดปัญหาหนี้เสีย แก้หนี้นอกระบบ ที่สำาคัญต้องพร้อมทำงานร่วมมือกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไปข้างหน้าด้วยกัน รวมถึงการสร้างนวัตกรรมทางการเงิน การธนาคารที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ ประชาชนและธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งกับเศรษฐกิจไทยเศรษฐกิจโลก และต้องเร่งสร้างเศรษฐกิจแบ่งปัน เพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่แข็งแรงอย่างมียุทธศาสตร์เชิงรุก
“ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็นที่พึ่งพาให้กับประชาชน ดูแลผู้มีส่วนได้เสียรอบด้าน ไม่เอื้อกลุ่มทุนสร้างผลกำไรที่สวยงามบนความเดือดร้อนทุกข์ยากของลูกหนี้ แต่ต้องให้กลุ่มทุนกระจายความมั่งคั่งให้เศรษฐกิจฐานราก บนพื้นฐานการสร้างวินัยทางการเงินร่วมกัน เพื่อนำาไปสู่ความยั่งยืน ไม่ผลักให้ลูกหนี้ไปแบกรับดอกเบี้ยสูง และต้องบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินอย่างเข้มงวด”

รักษาความสมดุล
ด้าน นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าสเปกผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ ต้องเป็นคนที่มีความรู้นโยบายทางการเงิน เข้าใจระบบธนาคารเศรษฐกิจ ตลาดทุน และต้องรักษาเสถียรภาพตลาดเงิน ดูการไหลเข้าและออกของค่าเงิน รวมทั้งต้องรักษาความสมดุลระหว่างเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยย้ำาว่าต้องเข้าใจในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการเงินและเศรษฐกิจจริง ๆ
ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่นั้น ถ้ามีประสบการณ์จากทั้งการเงิน การธนาคาร ตลาดทุน และเคยทำงานกับภาครัฐ รวมทั้งเคยทำงานจากต่างประเทศ จะทำให้เกิดประโยชน์กับการวางนโยบาย เพราะจะต้องทำงานได้กับทุกภาคส่วน และต้องออกแนวนโยบายที่คำานึงถึงส่วนรวมและประชาชน เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาวะการเงินในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งในเวลานี้ต้องไม่ให้ตึงตัวมากเกินไป เพราะเศรษฐกิจไทยเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
“แบงก์ชาติ ต้องอย่ารีรอ หรือมองแค่เอาต์ลุค ดีเพนเดนท์ แต่ต้องมองข้ามช็อต และที่สำาคัญในเวลานี้ ต้องคิดแนวนโยบายแบบนอกกรอบ เตรียมแผนการออกนโยบายรองรับ เผื่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงในอนาคต เนื่องจากความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจในเวลานี้มีสูงมาก แบงก์ชาติอาจเตรียมแผนนโยบายไว้หลายรูปแบบ เพื่อรองรับความเสี่ยง เหมือนกับนโยบายในต่างประเทศ เช่นการทำคิวอี หรือการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง”
แต่ต้องยอมรับว่าการทำนโยบายการเงินในเวลานี้ของแบงก์ชาติ เป็นโจทย์ที่ยาก เพราะแม้ลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว แต่ค่าเงินแข็งค่าในช่วงนี้ ภาคธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้ ทำให้สินเชื่อชะลอและต้องมีภารกิจแก้หนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจ และยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศใหม่”
อย่าให้การเมืองครอบงำ
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท บริษัทสหพัฒนพิบูล จำากัด ให้ความเห็นว่า ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนเก่าก็ดีอยู่แล้วที่ไม่ยอมอะไรง่าย ๆ แต่หากพูดถึงคนใหม่ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรนั้น ขออย่างเดียว คือ อย่าให้เป็นคนที่ทางฝั่งการเมืองส่งมาก็พอ ส่วนเรื่องการดูแลเสถียรภาพการเงินนั้น ก็เป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติที่ต้องดูแลอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่มาทำหน้าที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติจะดูแลและเข้าใจในส่วนตรงนี้

ขณะที่ด้านของดอกเบี้ยนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในต่างประเทศ หากไทยดอกเบี้ยต่ำา ส่วนต่างประเทศดอกเบี้ยสูงก็จะทำให้เงินไหลออกไปต่างประเทศมากขึ้น และในด้านปัญหาคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อนั้น มองว่าขึ้นอยู่กับธนาคารในแต่ละรายที่จะคำานึงถึงความปลอดภัยของวงเงินที่จะปล่อยมากกว่า
ดึงทุนสำารองใช้
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรกล่าวว่า จากผู้สมัครผู้ว่าการแบงก์ชาติทั้ง 7 คน ต้องบอกว่าบางคนมีคุณสมบัติที่ดี และแต่ละคนอยู่ในแวดวงเศรษฐกิจ ฉะนั้นต้องเข้าใจว่าแบงก์ชาติเป็นอีกขาสำาคัญของเศรษฐกิจประเทศ ทั้งในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ยนโยบาย และการใช้เงินทุนสำารองต่าง ๆ แก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ
ฉะนั้น ผู้ว่าฯ คนใหม่จะต้องเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันว่าแม้ประเทศไทยมีเงินทุนสำารองแข็งแรงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ก็ต้องนำาเงินมาใช้แก้ปัญหาเรื้อรังที่เป็นเสมือนลองโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ฟื้นตัว จึงอยากได้ผู้ว่าฯที่มีความเข้าใจรากฐานเศรษฐกิจไทย และใช้กลไกทางการเงิน อาทิ โครงการซอฟต์โลน เพื่อให้เศรษฐกิจก้าวพ้นผ่านจุดเสี่ยงไปได้ และอยากให้เข้าใจว่า การดูแลรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้เฉพาะธุรกิจแบงก์มีความแข็งแกร่งอย่างเดียวเศรษฐกิจก็จะอยู่ไม่ได้
ช่วยดูแลค่าบาท
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) มองว่า คุณสมบัติแรกเลยของผู้ว่าการแบงก์ชาติ คือต้องเป็นนักเศรษฐศาสตร์ มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องเศรษฐกิจมหภาค เหมือนอดีตผู้ว่าฯ ที่ผ่านมา และจะต้องทำงานประสานความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อเร่งการลงทุนในประเทศ ส่วนข้อสอง ควรมีแนวคิด การวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะกลาง และระยะยาว การใช้ดอกเบี้ยนโยบาย และรักษาค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย หลังจากที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่ามาอย่างต่อเนื่อง ได้ทำความสามารถการแข่งขันของท่องเที่ยวไทยลดลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ที่เศรษฐกิจแย่ลงในหลายประเทศทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการใช้จ่าย ขณะที่ญี่ปุ่นค่าเงินเยนอ่อนทำให้นักท่องเที่ยวแห่เดินทางไปท่องเที่ยว ดังนั้นผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ จะต้องเข้ามาบริหารค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อเป็นแรงส่งให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง และมีการใช้จ่ายเยอะขึ้น แต่หากค่าเงินบาทแข็งค่ามากไปก็จะกระทบต่อการท่องเที่ยว และอาจทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางเข้ามา ดังนั้นแบงก์ชาติ จึงจำาเป็นที่จะต้องบริหารค่าเงินซึ่งจะช่วยรักษาบรรยากาศการเดินทาง และต่อลมหายใจของท่องเที่ยวไทยต่อไปได้
จากมุมมองทั้งหมดนี้ถือเป็นความต้องการในหลายแง่มุม ที่คนไทยอยากได้จากผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดภายในวันที่ 2 ก.ค.นี้ กระบวนการสรรหาผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ก็จะเสร็จสิ้น โดยคณะกรรมการสรรหาฯ จะสามารถเสนอชื่อผู้ว่าการแบงก์ชาติ ให้ขุนคลังพิจารณาเพื่อชงเข้า ครม. ต่อไป ซึ่งถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าใครจะวิ่งเข้าเส้นชัย แต่เสียงส่วนใหญ่ของคนไทย ก็ขอให้ได้ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ที่เข้ามาแล้ว มีความรู้ความสามารถทำงานเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม เศรษฐกิจประเทศอย่างแท้จริง