ปัญหาสุขภาวะทางเพศเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโรคทางกาย จิตใจ สังคม ความเชื่อ และความสัมพันธ์ หนึ่งในสาเหตุทางกายที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคเบาหวาน โดยหากควบคุมเบาหวานได้ไม่ดี จะส่งผลต่อความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด (endothelial dysfunction) พบว่า ผู้เป็นเบาหวานเพศชายและเพศหญิง มีความชุกของปัญหาสุขภาวะทางเพศสูงถึงร้อยละ 65.9 และ 58.8 ตามลำดับ ความผิดปกติทางเพศในเพศชายพบได้บ่อยกว่า และมีกลไกการเกิดที่ชัดเจนกว่าในเพศหญิง

ปัญหาสุขภาวะทางเพศชายที่พบได้บ่อย ได้แก่ ภาวะหลั่งไว ภาวะหย่อน สมรรถภาพทางเพศและภาวะความต้องการทางเพศลดลงผิดปกติ ทำให้เกิดความทุกข์ใจ และกระทบความสัมพันธ์ระหว่างคู่

เพศชายที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเพศชายที่ไม่มีโรคเบาหวาน ในเพศหญิงมีการศึกษาเรื่องนี้ไม่มากนัก และยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน โรคเบาหวาน ส่งผลต่อปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ทั้งจากความผิดปกติของหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบต่อมไร้ท่อ หรือแม้แต่ด้านจิตใจ และความสัมพันธ์ โดยส่วนใหญ่มักเกิดร่วมกัน ในบางครั้งอาจพบร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศชาย (Erectile dysfunction) หมายถึง การที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวเพียงพอหรือนานเพียงพที่จะมีเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาที่เพศชายมาปรึกษาสุขภาวะทางเพศชาญบ่อยที่สุด ในประเทศไทยพบความชุกของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศชายในช่วงอายุ 40-70 ปี สูงถึงร้อยละ 37.5 จากการศึกษาพบว่าผู้เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า หลักการรักษาโรคนี้ ควรดูแลแบบองค์รวมทั้งร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ เช่น การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตโดยการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย งดการสูบบุหรี่ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การได้รับยากลุ่ม phosphodiesterase-5 (PDE-5) inhibitor การฉีดยาคลายเส้นเลือด (vasoactive) เข้าไปที่องคชาต (Intracavernosal) หรือผ่านทางท่อปัสสาวะ (Transurethral)  การได้รับฮอร์โมนเพศชาย เสริม เป็นต้น

ภาวะหลั่งไว (Premature ejaculation) หมายถึง การหลั่งน้ำอสุจิหลังจากมีการสอดใส่อวัยวะเพศหญิงภายใน 1 นาที และไม่สามารถควบคุมการชะลอการหลั่งได้ ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะหลั่งไวและโรคเบาหวานนั้นยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับระบบประสาท สารสื่อประสาท หรือภาวะจิตใจ พบว่าผู้เป็นเบาหวานมีความชุกของภาวะหลั่งไวมากกว่าผู้ไม่เป็นเบาหวาน โดยพบความชุกร้อยละ 78.9 และ 47.4 ตามลำดับ ผู้ที่เป็นเบาหวานมานาน และควบคุมเบาหวานได้ไม่ดี มักจะพบมีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศร่วมด้วยบ่อยขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ภาวะความต้องการทางเพศลดลงผิดปกติ (Male hypoactive sexual desire disorder) หมายถึง การลดลงหรือหายไปของความต้องการทางเพศ ทั้งความคิด หรือจินตนาการเรื่องเพศ สามารถเกิดได้จากหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ สังคม ความเชื่อ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ โดยโรคเบาหวานอาจจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง

ภาวะบกพร่องทางเพศของเพศหญิง (Female Sexual Dysfunction) พบได้สูงถึงร้อยละ 40 เช่น ภาวะความสนใจ หรือความต้องการทางเพศลดลงผิดปกติ ภาวะเจ็บหรือการสอดใส่ขณะมีเพศสัมพันธ์ผิดปกติ ภาวะความผิดปกติของการถึงจุดสุดยอด

ภาวะบกพร่องทางเพศของเพศหญิงในผู้เป็นเบาหวาน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ไม่เป็นเบาหวาน พบได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า การศึกษาภาวะบกพร่องทางเพศของเพศหญิงในผู้เป็นเบาหวานจำนวน 3,892 คน พบความชุกสูงถึงร้อยละ 68.6 กลไกการเกิดภาวะบกพร่องทางเพศของเพศหญิงนั้น ยังอธิบายได้ไม่ชัดเจนนัก คาดว่าเกิดจากระบบต่อมไร้ท่อ ระบบประสาท และระบบหลอดเลือด เป็นต้น ส่งผลต่อความต้องการทางเพศและน้ำหล่อลื่นที่ลดลงจนทำให้เกิดภาวะเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ลดลงได้

ผลกระทบของโรคเบาหวานต่อปัญหาสุขภาวะทางเพศนั้น สามารถส่งผลได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติทางกาย เช่น ระบบต่อมไร้ท่อ ระบบประสาทและระบบหลอดเลือด มิติทางจิตใจ เช่น ความกังวลจากภาวะบกพร่องทางเพศ ความมั่นใจในตนเองต่อการมีเพศสัมพันธ์ ความมั่นใจในรูปร่าง มิติสังคมและความเชื่อ เช่น วัฒนธรรม ศาสนา ค่านิยมเรื่องเพศสัมพันธ์ในแต่ละช่วงอายุ และมิติความสัมพันธ์ เช่น การไม่เข้าใจกันระหว่างคู่ การตำหนิ เป็นต้น ดังนั้นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเพศจึงมีความสำคัญ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

ข้อมูลจาก นพ.คริษฐ์ จายะสกุล, รศ.ดร.นพ.อติวุทธ กมุทมาศ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ

นายแพทย์สุรพงศ์  อำพันวงษ์

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่