นับถอยหลังเข้าสู่ ปี 2565 ท่างกลางสารพันปัญหาที่กำลังรุมเร้าประเทศตลอดทั้งปี 2564 และหลายเรื่องอาจลากยาวไปถึงปี 2565 ในวันนี้ “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสมาสนทนากับ หมอดูชื่อฉายาดังนอสตราดามุสเมืองไทย  “โสรัจจะ นวลอยู่”  เพื่อชำแหละดวงเมืองผ่าดวงประเทศ ในปี 2565 ที่จะถึงนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน

โดย นอสตราดามุสเมืองไทย เปิดฉากว่า ในปี 2565 ตรงกับ “ปีขาล” ซึ่งมีดาวสำคัญที่เคลื่อนย้ายอยู่หลายดวง โดยพยากรณ์ได้ว่าเป็นปีที่อาจจะดูค่อนข้างมีความวุ่นวาย มีความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในประเทศหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 ที่จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์ในประเทศยังอยู่ระหว่างร้อนรุ่มและจะเป็น “ไฟสุมขอน” รุนแรงขึ้นทุกที ซึ่งไม่มีอะไรแสดงหรือบ่งบอกว่าจะกู้แก้ปมยุ่งในบ้านเมืองอันเกิดขึ้นมาโดยตลอดได้ และจะต้องเกิดต่อเนื่องกันไปหลายเดือนในปี 2565 ซึ่งหากพูดตามภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่าเป็นปีที่ “ดวงกำลังตก” อาจจะมีการสูญเสียผู้หลักผู้ใหญ่ทางด้านการเมืองร่วงหล่นไประนาว

ถือว่าสยามประเทศเข้าสู่สภาวะ “มิคสัญญี” เพราะการที่ ดาวอังคาร(๓) ที่อยู่ในราศีพิจิก จะเล็ง พระราหู(๘) และ ดาวพระเกตุ(๙) ที่สถิตอยู่ราศีพฤษภตั้งแต่วันที่ 1-15 ม.ค.2565 โดยในช่วงนี้จะมีความร้อนแรง หรือมีข่าวที่ทำให้ตกอกตกใจได้ ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องเกี่ยวกับโรคระบาด เพราะ ดาวอังคาร(๓) เป็นดาวที่แสดงถึงพลังอำนาจโดยแท้ ทำให้เกิดการขัดแย้งกันภายในประเทศ ความคิดแตกแยกเป็นหลายกลุ่ม

นอกจากนั้นเมื่อ ดาวมฤตยู(๐) ซึ่งถือเป็นดาวปฏิวัติ ปฏิรูป การเปลี่ยนแปลง การแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ ย้ายออกจากราศีเมษ ในวันที่ 7 ก.ค.2565 โดยอิทธิพลของ ดาวมฤตยู(๐) อาจทำให้เกิดการปฏิรูป เปลี่ยนแปลง หรือมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่านั้น

ขณะเดียวกัน ดาวพระเสาร์(๗) โคจรตั้งฉากกับลัคนาของประเทศมาตั้งแต่ปี 2564 และยังอยู่ในราศีมังกรตลอดทั้งปี 2565 และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 ทำให้ในปี 2565 นี้เราแค่เพียงพยายามประคองตน ให้พ้นอะไรต่างๆ ไป ทั้งโรคระบาดที่ร้ายแรงกว่าโควิด-19 หลายเท่า อาจมีคนล้มป่วยและสูญเสีย รวมไปถึงภัยแล้ง น้ำท้วมใหญ่ ภัยหนาว แลแผ่นดินไหว ถือเป็น “ปีที่สุดหฤโหด” ค่อนข้างหนักในทศวรรษ

@สถานการณ์รัฐบาลในปี 2565 นี้จะเป็นไปในทิศทางใด

การที่ ดาวมฤตยู(๐) ย้ายออกจากราศีเมษ ในวันที่ 7 ก.ค.2565 น่าจะส่งผลกับการเมืองโดยตรง เพราะ ดาวมฤตยู(๐) ย้ายเข้าไปอยู่ในราศีพฤษภ ถือว่าไปอยู่ในภพที่สองของบ้านเมือง ซึ่งจะเกี่ยวกับเรื่องทางการเงิน ด้านเศรษฐกิจ รวมไปถึงวงจรการเมืองด้วย ทำให้ในปี 2565 จะเป็นปีที่หนักสุดในรอบหลายปี เป็นปัญหาระดับประเทศ เราจะมีหนี้มีสิน มีโอกาสที่อาจจะต้องมีองค์กรจากต่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้ามา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นด้านเศรษฐกิจจะส่งผลเข้าไปกระทบด้านการเมือง  การบริหารบ้านเมืองค่อนข้างสับสน เกิดความขัดแย้งที่หาข้อยุติลำบาก จนนำไปสู่อะไรสักเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ จนกระทั่งกลางปี 2565 จะเป็นช่วงที่แตกหัก ดังนั้นถ้ามีอะไรก็ให้พยายามคุยกัน แต่ก็อาจจะไม่ยอมกัน กลายเป็นการหันหลังคุยกัน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจะน่าเป็นห่วง เพราะจะส่งผลต่อเนื่องไปอีกหลายปีกว่าจะสงบกว่าจะแก้ไขได้

“อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก่อนกลางปี 2565 เพราะเป็นผลมาจากปี 2564 ทั้งเรื่องโรคระบาด เศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางการเมือง หรือมีอะไรที่ยังตกลงไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอะไรขึ้นก่อนช่วงเดือน ก.ค. ดังนั้นเมื่อรู้อย่างนี้ก่อนแล้ว ต้องพยายามหันหน้าเข้าหากัน หากไม่หันหน้าเข้าหากันอาจจะทำให้เกิดเหตุที่เราไม่อยากให้เกิด หรือเหตุที่คาดไม่ถึง”

เรื่องการเมืองอาจจะร้อนระอุขึ้นมาได้ เพราะอาจจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนเดือดร้อนจำนวนมาก ด้านการลงทุนต่างๆ จะลดลง ซึ่งทางรัฐบาลจะต้องสอดส่องดูแลให้มากขึ้น ให้การช่วยเหลือด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านความยากจน เพราะในปี 2565 จะถือเป็นปีที่ “ข้าวยากหมากแพง” มากที่สุด ดังนั้นนักการเมืองหรือรัฐบาลอย่าประมาท เพราะด้านเศรษฐกิจถือว่าแรง และจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยรัฐบาลควรจะมีเมตตา ควรช่วยเหลือประชาชนให้มาก ถ้ามีเมตตาทุกอย่างก็จะดีขึ้น

“ถ้าเรารู้ว่าดวงบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ให้หันหน้ามาคุยกัน โดยเฉพาะรัฐบาล ให้มีเมตตา และรับฟังทุกฝ่ายที่เขาเดือดร้อน ให้รับฟังแล้วช่วยเหลือจริงๆ ไม่ควรจะละเลยไป ถ้าละเลยไปก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ได้ รัฐบาลควรดูแลประชาชนให้เหมือนเป็นลูกเป็นหลาน แต่ถ้ายังยืดตัวเองเป็นใหญ่ หรือทุกฝ่ายยึดตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าเรายังไม่ปรองดองไม่รักใคร่กันหรือไม่ช่วยเหลือกัน อย่างนี้อาจจะเกิดผลตามดวงดาวบอกได้ เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ไขตั้งแต่แรก คือถ้ารู้ดวงดาวแล้วไม่แก้ไขมันก็จะหนักไป เราพยายามเราอย่าไปทะเลาะกัน ทะเลาะกันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งทะเลาะกันก็ไม่มีใครชนะมีแต่แพ้ เพราะฉะนั้นก็ควรหันมาโดยเฉพาะตัวรัฐบาล ผู้นำรัฐบาล”

@ถ้าบ้านเมืองผ่านจุดนี้ไป ยังจะมีปัญหาความขัดแย้งกันอยู่หรือไหม

คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ตรงที่ว่าพอให้มีการเคลื่อนไหวอะไรเปลี่ยนแปลงอะไร สักพักกลายเป็นดี ทุกคนเริ่มปรับตัวกันได้ทั้งทุกฝ่าย แล้วก็เริ่มมาสามัคคีเริ่มสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ เพราะประเทศเราถ้าเกิดอะไรก็จะบอบช้ำค่อนข้างมาก จะทำให้เราเปลี่ยนไปเยอะ กระทั่งในปี 2566 บ้านเมืองเราจะเริ่มรุ่งเรืองสดใส ด้านเศรษฐกิจก็จะค่อยๆฟื้นขึ้นมา แม้ตอนนั้นโควิดยังอยู่ แต่หากทุกคนจะช่วยๆกัน  หลายฝ่ายช่วยกันร่วมมือกันอันนี้ก็พัฒนาบ้านเมืองได้ค่อนข้างดี แล้วก็รุ่งเรื่องขึ้นมาและในปี 2567 เราจะรุ่งเรืองที่สุด จะเป็นช่วงที่เรากลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนั้นในเรื่องต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2565 เราจะมีโอกาสเกิดความขัดแย้ง เราควรพยายามวางตัวเป็นกลาง ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะในปี 2565 ทั่วโลกอาจจะมีความขัดแย้ง รวมทั้งประเทศมหาอำนาจ ประเทศแถบตะวันออกกลาง หรือประเทศใกล้ตัวเรา อันนี้เราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง ควรวางตัวเป็นกลาง เราก็จะผ่านพ้นไปได้

ท้ายที่สุด นอสตราดามุสเมืองไทย  ให้ข้อคิดว่า ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจ เพราะคำพยากรณ์เป็นการพยาการณ์ตามทฤษฎีด้านโหรศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่พยากรณ์ไปอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่ให้เป็นแนวทาง หรือชี้ทางเราบางเรื่อง ขอให้ยึดมั่นในการทำความดี ระมัดระวังบางสิ่งที่เปลี่ยนไป ช่วยเหลือคนอื่น ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่าที่ทำได้ ทำบุญ สวดมนต์ภาวนา และขอให้ทุกคนสามัคคีกัน ซึ่งจะช่วยให้ผ่านพ้นทุกวิกฤติได้.