เปิดสัปดาห์แรกของปี 65 ยังเจอปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว นั่นคือเรื่องเนื้อหมูแพงทั้งแผ่นดิน เช่น หมูสามชั้นในกรุงเทพฯ และชลบุรี ราคาพุ่งขึ้นไป กก.ละ 200-230 บาท นอกจากแพงแล้วยังขาดตลาดอีกด้วย

ผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงหมู เผยสาเหตุหลักเพราะเกษตรกรขาดทุนสะสมมาหลายปี เนื่องจากแบกต้นทุนอาหารและการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด ทำให้เกษตรกรจำนวนมากถอดใจ ต้องเลิกเลี้ยงหมูไปในที่สุด

เช้าวันที่ 5 ม.ค.ผ่านมา น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่ปรับขึ้นอีกลิตรละ 60 สตางค์ เรื่องนี้มาไล่เลี่ยกับข่าวคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนก่อหนี้เพิ่ม 20,700 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้โปะกองทุนน้ำมัน 20,000 ล้านบาท

20,000 ล้านบาทก้อนนี้ น่าจะเป็นยอดเงินที่ถูกสังคมทวงถามว่ารัฐบาล คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วงเอาเงินกองทุนน้ำมันไปใส่เป็นเงินรายได้รัฐ เมื่อถูกทวงบ่อย ๆ จึงต้องกระมิดกระเมี้ยนรีบกู้มาใช้คืนกองทุนน้ำมัน

เปิดทำงานปีใหม่ได้แค่วันเดียว มีข่าวการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กำลังเป็นช่วง “ขาขึ้น” ของประเทศไทย เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อ 2,338 คน กระจายไป 55 จังหวัด สภาพแบบนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวอยู่ลำบาก แม้จะเป็นช่วงไฮซีซั่นก็ตาม

เมื่อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่มีแนวโน้มลากยาว ดังนั้นนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง จึงออกมาส่งสัญญาณตั้งแต่ต้นปีว่ารัฐบาลจะลดการใช้จ่ายเพื่อการเยียวยาประชาชนลง นั่นอาจหมายถึงคงไม่แจกเงินแบบสะเปะสะปะอีกแล้ว แต่ยังคงดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อให้การใช้จ่ายในประเทศไม่ติดลบ

โดยนโยบายทางการคลังจะดำเนินการผ่านเม็ดเงิน 3 ส่วนหลัก คือ 1.จากงบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบลงทุน 6 แสนล้านบาท 2.งบลงทุนจากรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท 3.งบจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ยังเหลืออีกกว่า 2.2 แสนล้านบาท

รวมกันแล้วจะมีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนประมาณ 1 ล้านล้านบาท นี่คือข้อมูลจาก รมว.คลัง

แต่ “พยัคฆ์น้อย” เหลือบเห็นข่าวนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จะลงทุนปี 65 ประมาณ 1.98 ล้านล้านบาท ผ่าน 36 โครงการขนาดใหญ่ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ จึงรู้สึกงง ๆ ว่านายศักดิ์สยามไปเอาเงินมาจากไหน และเป็นโครงการที่เข้าถึงเศรษฐกิจระดับรากหญ้าหรือเปล่า? หรือว่าหมุนอยู่แค่ “เจ้าสัว” เพียงไม่กี่บริษัท

เนื่องจากหลายภาคส่วนยัง “คาใจ” กรณีประมูลก่อสร้างรถไฟรางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายบ้านไผ่-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม รวมมูลค่า 1.28 แสนล้านบาท มีแค่ 5 สัญญางาน โดยมีแค่ 5 ผู้รับเหมาเข้าประมูล จึงคว้างานไปบริษัทละ 1 สัญญา

พล.อ.ประยุทธ์สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการประมูลดังกล่าว แต่ผลออกมาว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง โปร่งใส ไร้ร่อยรอย และไม่เจอใบเสร็จ สรุปคือไม่ว่าจะมีข้อครหาอย่างไรก็ต้องลากกันไปต่อ

เชื่อมโยงกับเรื่องทางการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลต้องถูลู่ถูกังกันไป แม้จะฉุนเฉียวกันบ้าง เพราะต้องดวลกันเองในศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 2 จังหวัดภาคใต้ และการประชุมสภาจะล่มซ้ำซากแค่ไหนข้าไม่สน! ขอเพียงให้ลากไปถึงเดือน ส.ค. 65

เนื่องจากอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ฝากไว้กับ “อภินิหาร” ทางการกฎหมาย ว่าการอยู่ในตำแหน่งนายกฯต่อเนื่องได้ไม่เกิน 8 ปี เริ่มนับตั้งแต่เมื่อไหร่? สรุปภาพรวมอนาคตประเทศไทยปี 65 จึงมืดมนกันต่อไป!!.

——————
พยัคฆ์น้อย