หากความตึงเครียดลุกลามบานปลาย ถึงขั้นกลายเป็นสงครามสู้รบ ญี่ปุ่นฟันธง ณ เวลานี้ จีนเป็นต่ออเมริกา

รัฐบาลปักกิ่งออกโรงแถลง โต้รายงานสรุปของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นทันควัน โดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวที่จีนถูกระบุว่าเป็นการแผ่ขยายแสนยานุภาพกองทัพนั้น เป็นแค่เพียงกิจกรรมตามปกติทางทหาร พร้อมกับจวก เป็นการกล่าวหาแบบ “ไร้ความรับผิดชอบ”

รายงานกลาโหมประจำปีของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซึงะ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุชัดว่า ความวิตกด้านความมั่นคงหนักที่สุดของญี่ปุ่นคือ “จีน”

สมุดปกข่าวฯ เขียนไว้ในหมวดไต้หวันว่า “ญี่ปุ่นจำเป็นต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด ต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งตอนนี้ตึงเครียดสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี ระหว่างจีนกับสหรัฐ ส่อเค้าตึงเครียดหนักขึ้นอีก

กิจกรรมทางทหารเชิงสัญลักษณ์ของจีน รอบดินแดนเกาะไต้หวัน ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงหลายเดือนล่าสุด สร้างความวิตกแก่ญี่ปุ่น เนื่องจากไต้หวันอยู่ใกล้กับหมู่เกาะจังหวัดโอกินาวา ทางใต้สุดของญี่ปุ่น

กระทรวงการต่างประเทศไตัหวัน ในกรุงไทเป ออกแถลงการณ์ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับไต้หวัน และประเด็นความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน

แต่แน่นอนว่า ย่อมสร้างความโกรธเคืองให้กับกลุ่มพญามังกรในกรุงปักกิ่ง นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศในกรุงปักกิ่ง แถลงโจมตีรายงานในสมุดปกขาวของญี่ปุ่น ว่า “ผิดพลาดและไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง” เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ประกาศในเดือนนี้ว่า เป้าหมายการผนวกรวมไต้หวัน เข้ามาอยู่ในอธิปไตยของแผ่นดินใหญ่ จะสำเร็จเสร็จสิ้น ในช่วงที่เขายังดำรงตำแหน่งผู้นำอย่างแน่นอน และเดือนที่แล้ว สีจวกสหรัฐเป็น “ผู้สร้างความเสี่ยง” หลังจากกองเรือแปซิฟิกสหรัฐ ส่งเรือรบแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน ที่กั้นแยกระหว่างไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่จีน

นายทาโระ อาโสะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น กล่าวในเดือนนี้ว่า ญี่ปุ่นควรจับมือกับสหรัฐ เพื่อปกป้องไต้หวัน หากไต้หวันถูกรุกราน ไม่ว่าจากใคร แต่ต่อมาอาโสะลดระดับความแรงลง เมื่อมีปฏิกิริยาไม่พอใจจากปักกิ่ง โดยกล่าวว่า แผนฉุกเฉินสำรองใด ๆ สำหรับไต้หวัน ควรจะเน้นการเจรจาเป็นหลัก

ขณะที่ความเป็นปรปักษ์ทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐ ถลำลึกลง การแข่งขันทางเศรษฐกิจก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างชิงความเป็นผู้นำเทคโนโลยีโลก เช่น สารกึ่งตัวนำ หรือเซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และคอมพิวเตอร์เชิงควอนตัม

REUTERS

การแข่งขันเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐ สร้างความท้าทายให้กับญี่ปุ่น เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศต้องพึ่งพา การค้าขายกับทั้งสอง ประเทศมากพอกัน

ญี่ปุ่นยังต้องทุ่มเงินมหาศาลสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี ในอเมริกา จีน และยุโรป

เมื่อเร็ว ๆ นี้ วุฒิสภาสหรัฐเพิ่งอนุมัติกฎหมายนวัตกรรมและการแข่งขัน  Innovation and Competition Act of 2021 ซึ่งอนุมัติเบิกจ่ายงบสูงถึง 190,000 ล้านดอลลาร์ (6,200,310 ล้านบาท) สำหรับส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ โดยงบจำนวนนี้รวมถึง 54,000 ล้านดอลลาร์ (1,762,190 ล้านบาท) เพื่อเพิ่มการผลิตชิปคอมพิวเตอร์

ขณะที่สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎรสหรัฐ กำลังถกอภิปรายอีกข้อเสนอ กฎหมายอีเกิล หรือกฎหมายรับประกันความเกี่ยวพันและความเป็นผู้นำโลกของอเมริกา (Ensuring American Global Leadership and Engagement Act, or EAGLE Act)

รายงานประจำปีด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการรวมภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนขึ้นด้วย โดยรายงานระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก จะทำให้การแข่งขันแก่งแย่งที่ดิน และทรัพยากรในญี่ปุ่นสูงขึ้น และอาจทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ ของประชาชนที่กลายเป็นผู้พลัดถิ่น จากภัยธรรมชาติ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อันเป็นผลผลกระทบจากภาวะโลกร้อน อาจบ่อยทอนศักยภาพทางทหารของญี่ปุ่น

รายงานยังทำนาย ขั้วโลกเหนือกำลังจะกลายเป็นภูมิภาคแข่งขันทางทหารแห่งใหม่ ของกลุ่มชาติมหาอำนาจโลก เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกละลาย กลายเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ และทรัพยากรธรรมชาติมูลค่ามหาศาล ทยอยโผล่ให้เห็น.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AP