ก้าวเข้าสู่เดือนที่ 2 ของ ปีเสือดุ เรียกว่าสารพัดมรสุมวิกฤติปัญหาหลากหลายด้าน ยังคงถาโถมใส่ รัฐนาวา ที่นำพาโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำเอาช่วงนี้ทั้งประชาชนและคอการเมือง ต้องเฝ้าลุ้นระทึกแบบวันต่อวัน

เอาแค่ปัญหาปากท้อง “หมูแพงทั้งแผ่นดิน” ชนิดแบบไม่เคยเจอมาก่อน พอสื่อช่วยกันขุดคุ้ยนำเสนอหามูลเหตุต้นตอ ทำไมหมูขาดแคลนผิดปกติ สุดท้ายยังไปเจอปมฉาว โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ประเทศไทย เคยส่งหนังสือแจ้งไปยัง กรมปศุสัตว์ ถึงเรื่องการตรวจพบเชื้อ ASF ในซากหมูตาย พื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 64

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กรมปศุสัตว์ ไม่เห็นหนังสือฉบับนี้ กว่าหน่วยงานตัวเองจะขยับไปตรวจเจอเชื้อ ASF เองก็ปาเข้าไปวันที่ 11 ม.ค.65 พอสื่อตามเจาะประเด็นต่อ ภาครัฐรู้หรือไม่ ใครมีห้องเย็น? ใครลากราคาหมู คราวนี้ถึงขั้นตื่นตูมระดมตรวจสอบ “ห้องเย็น” กันจนชุลมุนวุ่นวาย ชาวบ้านเลยได้เห็นบางห้องเย็นใหญ่โตมโหฬาร ถึงขนาดแช่หมูชำแหละได้มากนับล้านกิโลกรัม

จากหมูแพง ข้าวของแพง ไฟฟ้า น้ำมันแพง ยกเว้นค่าแรงยังถูกเหมือนเดิม ล่าสุดมีบรรดาสหพันธ์รถบรรทุก รถปิกอัพ ขยับนัดออกมาแสดงพลังขับรถไปใจกลางกรุงเทพมหานคร ประท้วงปัญหาราคาน้ำมันแพง พร้อมขับไล่รัฐมนตรีพลังงาน ไม่รู้ชาวบ้านยังพอจะนึกหน้าตาจำได้บ้างหรือไม่ว่าใครเป็นรัฐมนตรีดูแลด้านนี้ 

เท่านั้นไม่พอ ปัญหาด้านการเมืองก็ล่อแหลมอยู่ระดับวิกฤติ ตั้งแต่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และอดีตเลขาฯ พรรคพลังประชารัฐพรรค (พปชร.) ถูกขับออกมาพร้อม ส.ส.ในสังกัด 21 คน จนทำให้นายกฯ เจ้าของบทเพลง “คืนความสุขประเทศไทย” ยังอุตส่าห์โชว์ลูกคอฮัมเพลง อย่ายอมแพ้ ขณะประชุม ศบค.วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา

แต่อุณหภูมิการเมือง แม้จะก้าวข้ามเข้าสู่เดือนแห่งความรัก ยังคงทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากปมความวุ่นวาย การประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ล่มซ้ำซาก เฉพาะแค่ต้นเดือน ก.พ. “สภาล่ม 2 ครั้ง” ในรอบ 3 วัน!!

สื่อต้องถามนายกฯ ถึงเหตุสภาล่มบ่อยจะกระทบต่อการทำงานหรือไม่? บางช่วงบางตอนที่นายกฯ ได้ตอบเอาไว้ “ไม่สามารถไปสั่งใครได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภา ทุกคนก็ต้องร่วมมือและเข้าไปร่วมกันพิจารณา ถ้าล่มอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ คนเดียวคงไม่ใช่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อะไรก็ตามหากร่วมมือกันทุกอย่างก็ไปได้หมด ทุกคนอยากจะเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าอยากเลือกตั้งก็ต้องทำให้กฎหมายลูกเสร็จ โดยสภาต้องไม่ล่ม”

สถานการณ์ตอนนี้ ถ้าบันทึกข้อมูลประวัติศาสตร์การเมืองไทย ลองจับคำพูดของนายกฯ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.65 บางครั้งอาจจะพอมองเป็นการ ส่งสัญญาณเตือน ที่ไม่ได้สลับซับซ้อนมากนัก!! ถ้าล่มอยู่แบบนี้ ก็ไปไม่ได้ จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของ
นายกฯ คนเดียวคงไม่ใช่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

มาแล้ว 'ฉายาสภา' ปี64 ยกเป็น 'สภาอับปาง' ส.ส. 2  ฝ่ายไม่ยึดประโยชน์ชาติ-ประชาชน

มองเล่น ๆ ว่า ถ้าเปรียบเป็นการแข่งขันชกมวย ตอนนี้นายกฯ เหมือนกำลังโดนไล่ต้อนเข้ามุม โดนสารพัดหมัดรัวใส่ เล่นงานจนสะบักสะบอมจวนเจียนจะถูกน็อก แม้ตลอดการชกทุกยกจะสวมวิญญาณ นักสู้หัวใจเพชร หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ขอยอมแพ้

แต่มาถึงยกนี้ชักจะเริ่มส่งสัญญาณ เหลือบมองไปยังพี่เลี้ยง-กรรมการ-กองเชียร์ เอายังไงต่อดี?

ถ้า เชิงผา เป็นผู้ชม ก็เห็นใจนักชกที่ยังสู้ต่อแม้บอบช้ำแถมถูกไล่ต้อนเข้ามุมดิ้นหนีไม่ได้ ดังนั้นทั้ง นักชก พี่เลี้ยง และ กรรมการ ถึงห้วงเวลาที่ต้องตัดสินใจให้ดีที่สุด!! เพราะถ้าแพ้ในสภาพที่ยังไม่เป็นไรมาก อนาคตยังพอฟิตซ้อมกลับมาแก้มือใหม่ได้ท่ามกลางกองเชียร์ฝั่งตัวเองก็ยังมีอยู่ แต่ฝืนไปเจอคู่ต่อสู้กำลังได้ใจเห็นว่าเมื่อไม่ยอมก็เลยถลุงยับเยิน นอกจากจะเสียรูปมวย อาจเมาหมัดสมองบอบช้ำ จนไม่สามารถจะกลับมาแก้มือได้ กลายเป็นปิดฉากอนาคตของตัวเอง!!.

————
เชิงผา