“หน้าที่ทำให้ครบองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล” คำกล่าวของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นักการเมืองผู้คร่ำหวอดชนิดเขี้ยวลากดิน บ่งบอกว่าในระบบประชาธิปไตยรัฐบาลเลือกตั้งจำเป็นต้องมีเสียงข้างมาก (เด็ดขาด) ในสภาเพื่อบริหารประเทศอย่างมีเสถียรภาพ

รบ.นี้ นอกจาก พรรคแกนนำ พปชร. ของ 3 ป. เองแล้ว ยังมีพรรคภูมิใจไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรค ปชป. ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคชาติไทยพัฒนา ของนายวราวุธ ศิลปอาชา และยังมีที่ไปกวาดต้อนงูเห่าอีกเกือบ 20 ตัว จนสามารถจัดตั้ง รบ.เสียงข้างมาก 267 เสียงได้

ยังไม่นับ รธน.ฉบับอัปยศสืบทอดอำนาจ มี ส.ว.ลากตั้ง 250 คนเป็นพรรค “ปรสิต” อันทรงพลัง พูดให้ถึงที่สุด ฝ่ายค้านมีเครื่องมือที่จะต่อกรกับระบอบ 3 ป. เหมือนหนวดเต่า

การนับ “องค์ประชุม” หรือการทำ “สภาล่ม” จึงเป็นเครื่องมือน้อยนิดที่มีอยู่ แต่เอามาใช้บ่อย ๆ ก็มีต้นทุนที่ต้องจ่าย ซึ่งไม่ทำให้ รบ. 3 ป. ระคายเคืองนัก อย่างที่รู้ การมีสภาก็เป็นแค่เครื่องประดับให้ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อวดอ้างว่า ตนมาตาม รธน. (จำแลง) ก็เท่านั้น

กลับมาที่สภาล่มต่อเนื่อง ทั้งหมด 16 ครั้งใน 2 ปีกว่า แต่ล่าสุดที่ทำให้ฝ่ายค้านเปิดศึกฟัดกันเองคือ สภาศุกร์ที่ 4 ก.พ. โดยสาระ คือ เกิดความอลหม่านในร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่ “พรรคก้าวไกล” เสนอเปิดทางให้เหล้า “ภูมิปัญญา” ชาวบ้านแบบสาเกญี่ปุ่นที่ขายไปทั่วโลกมีโอกาสได้เกิดบ้าง นอกจากเหล้าเจ้าสัว แต่ รบ.เตะถ่วงขอศึกษาอีก 60 วัน “เพื่อไทย” อ้างว่าที่ไม่แสดงตนเพื่อให้สภาล่ม เพราะไม่เป็นเครื่องมือ รบ.เผด็จการ ที่ยังไงก็ไม่ยอมให้ ก.ม.ฝ่ายค้านผ่านอยู่แล้ว แต่ก้าวไกลกลับเห็นว่า นี่เป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับชาวบ้าน อย่างนี้เหมือนถูกเพื่อไทย “ทรยศแทงข้างหลัง” ติ่งของทั้ง 2 ฝ่ายเปิดศึกใน “โลกโซเชียล” เหมือนตายแล้วจะไม่เผาผีกัน

ทั้งที่จะว่าไป ศุกร์ 4 ก.พ. วันเกิดเหตุ ขณะที่ รบ. 3 ป. ที่มี 18 พรรครวมหัวกันอยู่มี 267 เสียง (ยังนับของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไว้ด้วย) แต่วันนั้นมาแค่ 148 คน หายหัวไป 119 คน ขณะที่ 7 พรรคฝ่ายค้านมี 207 คน แสดงตนแค่ 47 คน โดย ส.ส.ทั้งสภา ตอนนี้มี 475 คน หากจะครบองค์ฯ ต้องเกินครึ่งคือ 238 คน ซึ่งวันนั้นมี ส.ส.ทั้งหมดแค่ 195 คน ไม่ครบองค์ฯ สภาจึงล่ม และล่มเป็นครั้งที่ 16?!?

อย่างที่บอก ฝ่ายค้านมี “ต้นทุน” ที่ต้องจ่าย หากใช้เครื่องมือนี้บ่อย ๆ ประชาชนจะก่นด่า เสื่อมศรัทธา เบื่อหน่ายสภา ไม่เลือกฝ่ายค้าน-รัฐบาล ทีเวลาเลือกตั้ง เห็นทุ่มทุกสรรพกำลังสู้กันเอาเป็นเอาตาย แต่พอได้เป็น ส.ส. ดัน “หายหัว” ไม่ยอมเข้าประชุมสภา เปลืองภาษีประชาชน ฝ่ายค้านเองก็คงรู้ตัว ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หน.พรรคเพื่อไทย และ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนพงศ์ รอง หน.พรรคก้าวไกล จึงออกมาแถลงข่าวหลังหารือร่วมว่า ต่อไปจะประสานงานร่วมมือเป็นเอกภาพมากขึ้น แสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง เพื่อคงเป้าหมายไล่ รบ.ประยุทธ์ต่อไป……

ถือว่ามาถูกทางแล้ว

นักการเมืองจากเลือกตั้ง ถ้าไม่ “เกรงใจประชาชน” ก็พังลูกเดียว ยิ่งเป็นฝ่ายค้านที่ไม่มีเส้น มีแค่พลังประชาชนหนุนหลังยิ่งต้องสำเหนียก ไม่เหมือน รบ.เส้นใหญ่ สภาล่มกี่ครั้งก็อยู่ได้?!?

เอาอย่างนี้เถอะ ต่อไปนี้ หากฝ่ายค้านจะเล่นเกม “ล่มสภา” ก็ให้ฝ่ายค้านประกาศเลย เราจะให้นับองค์ฯเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าสภาล่มอีก รบ.รับผิดชอบลูกเดียว เพราะ “เราเตือนคุณแล้ว” แต่นั่นล่ะ รบ. 3 ป. อาจไม่อายุยืนถึงปี 2566 ล่าสุด ครม. อังคารที่ผ่านมา 7 รมต.พรรคภูมิใจไทย พร้อมใจลาหยุด ประท้วง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. จาก ม.44 ของ 3 ป. ที่จ้องต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 30 ปีให้กลุ่ม BTS ซึ่งคงต้องข้ามศพภูมิใจไทยไปก่อน ที่สุดก็ต้องถอนวาระออกไป สนิมเกิดกับเรือแป๊ะมากขึ้นทุกที ทั้งกรณี “ผู้กอง” ทั้งผลประโยชน์ “พรรคร่วม” ที่ขัดกัน

รอดถึงเดือนกรกฎาคมก็เก่งแล้ว.

————————–
ดาวประกายพรึก