พัฒนาฝีมือมากขึ้นในทุกวัน สำหรับนางเอกสาว พิ้งค์พลอย-ปภาวดี ชาญสมอน ที่โชว์บทบาทคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวใน ละครโรแมนติก “สามีชั่วคืน” ทางช่อง 7HD  ที่ยืนหนึ่งฟาดเรตติ้งสูงอย่างต่อเนื่อง แถมยังโชว์เคมีคู่หนุ่ม ยูโร-ยศวรรธน์ ทะวาปี ได้ดีสุด ๆ จนโกยหัวใจแฟน ๆ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่พลาดไปพูดคุยกับสาวพิ้งค์พลอย ถึงความรู้สึกและสิ่งที่ได้รับจากบทบาทครั้งนี้ รวมไปถึงเปิดมุมมองการทำงานในวงการ พร้อมอัพเดทเรื่องหัวใจ กับนิยามความรักและคนที่สามารถเอาชนะใจของเธอได้กันแบบจัดเต็ม

ฟีดแบ็ก “สามีชั่วคืน” เป็นอย่างไรบ้าง?

“ฟีดแบ็กดีเลยค่ะ ดีมาก ๆ ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าคนจะชอบขนาดนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับยูโร  เพิ่งมาจับคู่กัน ปรากฎว่าฟีดแบ็กที่ออกมาคือแฟน ๆ ชอบคู่ของเรา และติดตามละคร ก็เซอร์ไพร้ส์และมีความสุขมากค่ะ”

การเตรียมตัวมารับบท “ชลพรรษา” ซึ่งค่อนข้างดราม่า และเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย ต้องทำการบ้านยังไง ศึกษาเรียนรู้จากไหนบ้าง?

“มีทำการบ้านเยอะทีเดียวค่ะ ความที่เป็นคาแรกเตอร์ที่เรายังไม่เคยเล่นมาก่อนเลย แล้วก็ต่างจากชีวิตจริงเราด้วย ก่อนถ่ายทำนอกจากเราได้เวิร์กช็อปร่วมกับน้องลูกหม่อน (ด.ช.นิธินันท์ พูลสวัสดิ์) ดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ของแม่และลูก รวมถึงปรึกษากับพี่เติ้ล (ตะวัน จารุจินดา) ผู้จัดและผู้กำกับค่ะ ว่าอยากให้เราถ่ายทอดออกมาประมาณไหน พี่เติ้ลจะมีคำแนะนำ ทำให้เราเป็นชลพรรษาได้อย่างที่เห็นค่ะ ส่วนการช่วยเรื่องการออกแบบการแสดงตัว พิ้งค์พลอยเองก็มีคุยกับพี่เติ้ลเหมือนกันค่ะ ว่าเราจะแสดงออกประมาณนี้ได้มั้ย หรือทำอย่างนั้นได้มั้ย พี่เติ้ลก็จะมองความเหมาะสม เพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ”

พิ้งค์พลอยมองว่ากุญแจสำคัญของการมารับบทคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคืออะไร?

การได้รับบทตัวละครนี้ ทำให้เราได้มองถึงความรักความอดทน การที่ต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกคนเดียวต้องใช้ความอดทนที่สูงมากทีเดียวนะคะ ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการเลี้ยงดูลูกเท่านั้น แต่รวมทั้งหมดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้วย ดังนั้น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคือคนที่มีความเข้มแข็ง มีหัวใจเข้มแข็ง เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตรงนี้ค่ะ”

ความยากของการแสดงครั้งนี้ คืออะไร?

“เรื่องของการไม่ตอบโต้ค่ะ บางคนอาจคาดหวังให้นางเอกเป็นคนที่ตอบโต้ หรือสู้คนเมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม แต่ตัวละคร ชลพรรษา จะไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง คือเขามีการตอบโต้ในมุมของเขานะคะ ตอบโต้ด้วยสติที่รู้ว่า เราเป็นคุณแม่แล้วนะ เป็นคุณแม่อยู่ ดังนั้นการแสดงออกมันจะแตกต่างไป เป็นสิ่งใหม่ที่เรายังไม่เคยเล่น แรก ๆ ที่ถ่ายทำเราก็ยังไม่แน่ใจค่ะ บางทีเล่นไปแล้วพอดูมอนิเตอร์ตาเราดุมาก ก็ต้องปรับค่ะ พี่เติ้ลจะช่วยและย้ำกับเราเสมอว่า ต้องคิดอยู่เสมอนะว่าตอนนี้เราเป็นคุณแม่แล้ว”

สิ่งที่ทำให้ “พิ้งค์พลอย” ได้เรียนรู้จากการมารับบท “ชลพรรษา”?

เรียนรู้เรื่องความมีเหตุผลค่ะ เพราะด้วยบทบาทของตัวละคร ทำให้เขาต้องคิดเยอะบางทีบางเรื่องถึงเราจะไม่พอใจ แต่เราไม่ต้องตอบโต้ก็ได้ ให้มันจบแค่ที่ความรู้สึกของเรา จบด้วยตัวเราเองได้”

ได้มาร่วมงานกับ “ยูโร” เป็นยังไงบ้าง มีอะไรที่ประทับใจในตัวยูโรเล่าให้ฟังบ้างมั้ย?

สนุกค่ะ ได้มุกอะไรจากเขามาเยอะเหมือนกัน (หัวเราะ) เขาเป็นคนน่ารัก ชอบทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มค่ะ ส่วนในเรื่องงานเขาก็ช่วยเราเหมือนกัน อย่างในฉากที่เราเล่นกัน บทต้องรับส่งกัน เขาก็ทำได้ดีเลย เขาจะทำการบ้านมาก่อนด้วย เวลาเข้าฉากกันพอเราส่งไป เขารับ รับแล้วส่งกลับ คือมันลื่นไหลและทำให้งานราบรื่นค่ะ”

บรรยากาศในกองถ่ายเป็นยังไง มีอะไรสนุก ๆ หรือสิ่งที่ได้จากกองถ่ายนี้เล่าให้ฟังบ้างมั้ย?

สนุกมากค่ะ พิ้งค์พลอยขอเมาท์ถึงพี่เอี๊ยม (วรรษพร วัฒนากุล) กับ ฟีฟ่า (เปรมอนันต์ ศรีพานิช) เพราะว่าเราจะเข้าฉากด้วยกันตลอด เขาจะแซวกันว่าแก๊งนี้มีตำนาน คือเข้าด้วยกันทีไร ขำทุกที คือถ้าได้เจอกัน เข้าฉากกัน ต้องมีคนใดคนหนึ่งที่ขำ จนทำให้ทุกคนหลุดขำตามไปด้วย บางวันก็เราเอง บางทีก็พี่เอี๊ยม บางทีก็ฟีฟ่า คือมันกลายเป็นเรื่องที่ทีมงานทุกคนในกองจะรู้และลุ้น พอเรา 3 คนเข้าด้วยกัน ไม่ใครก็ใครต้องหลุดแน่นอน คือบางทีแค่มองหน้ากันก็ขำแล้ว”

อยากให้คนที่ได้ดูเรื่องนี้ ได้ข้อคิดอะไรกลับออกไปมากที่สุด?

“จริง ๆ ในละครมีข้อคิดเยอะมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ทั้งเรื่องราวของครอบครัว ชลพรรษา ครอบครัวของกษะ ครอบครัวของ ‘มณีสุดา’ (แพรว-เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค) ทั้งมุมของการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แม้กระทั่งเรื่องของสังคมการทำงาน เพื่อนร่วมงานในบริษัท พิ้งค์พลอยมองว่า ในทุกตัวละครนั้นจะมีสอดแทรกเรื่องราวที่เป็นข้อคิด นอกจากความสนุกในละครค่ะ เชื่อว่าแฟน ๆ ละครได้ดูน่าจะชอบและประทับใจไปพร้อม ๆ กัน”

อัปเดตผลงานอื่นบ้าง เห็นมี “ปางเสน่หา” ตอนนี้ถึงไหนแล้ว?

ถ่ายไปได้พอสมควรแล้วค่ะ สำหรับเรื่องนี้จะเล่นคู่กับพี่โก้ (วศิน อัศวนฤนาท) จริง ๆ เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นละครอีกเรื่องที่ยากมากทีเดียวค่ะ เพราะตัวละครของพิ้งค์พลอยจะต้องเล่นเป็น 3 คาแรกเตอร์ในเวลาเดียวกัน อยากขอให้ทุกคนรอติดตามนะคะ”

กลับมาร่วมงานกับคู่จิ้น “โก้ วศิน” อีกครั้ง รู้สึกยังไงบ้าง?

“ดีใจค่ะ คือเราเคยร่วมงานกันมาอยู่แล้ว พอได้กลับมาเจอกันก็ดีใจ พี่โก้เป็นพี่ที่น่ารักค่ะ สำหรับเรื่องการทำงาน พี่โก้ก็เป็นมืออาชีพ เขามีความตั้งใจ ทำการบ้าน และบางครั้งก็ช่วยเราเวลาเข้าฉากด้วยกันค่ะ”

ประทับใจอะไรเกี่ยวกับ “โก้” เล่าให้ฟังบ้างมั้ย?

พี่โก้เป็นเหมือนพี่ชายค่ะ ตั้งแต่เล่นละครด้วยกันเรื่องแรก พี่เขาจะคอยบอก คอยแนะนำ เราเล่นละครเรื่องแรกเรายังมีความเกร็งอยู่เยอะมาก ก็ได้พี่โก้ที่คอยละลายพฤติกรรม ทำให้เราไม่เกร็ง กล้าแสดงออกมา พอวันนี้ได้มาเล่นกับพี่โก้อีกครั้งก็ดีใจค่ะ การได้ทำงานกับพี่โก้เหมือนได้พี่ชายมาเพิ่ม เราเองก็จะคอยซัพพอร์ตพี่เขานะคะ อย่างเวลาที่พี่เขาทำขนม ทำวิตามินขาย เราก็แอบไปอุดหนุนพี่เขา หนูชอบกินขนมพี่เขาค่ะ อย่างเวลาเจอกันในกองก็จะแซวว่า พี่เอาขนมมาให้หนูหรือยัง คือไม่ได้ทวงนะคะแต่อยากอุดหนุน แต่พี่โก้ก็จะเอามาให้ถุงใหญ่เลยค่ะ บอกว่าเอามาให้น้องกิน หลัง ๆ พิ้งค์พลอยเลยแอบไปซื้อ แอบไปสั่งโดยไม่ได้ใช้ชื่อเราค่ะ เพราะอยากอุดหนุนพี่เขาจริง ๆ”

หลังจากที่เคยจับคู่กันแล้วโด่งดังมาก ครั้งนี้คาดหวังไว้กับการกลับมาร่วมงานครั้งนี้กันไว้ยังไง?

เข้าใจค่ะว่าทุกคนอาจจะมีความคาดหวังเพราะเราเคยร่วมงานกันมาแล้ว และแฟน ๆ ก็ชอบ ว่าเล่นแล้วเข้ากัน แต่ก็มีเหมือนกันนะคะ ที่แอบคิดว่าบางฉากที่เราเล่น เราอาจจะไม่รู้สึกว่าภาพที่ออกมาจะฟินได้มากนัก แต่พอออกอากาศ แฟนละครกลับรู้สึกว่ามันใช่ มันฟินมาก พิ้งค์พลอยต้องขอบคุณตรงนี้มากนะคะ คือเป็นกำลังใจที่ซัพพอร์ตเรา ส่วน ปางเสน่หา จะจิ้นหรือฟินขนาดไหน ต้องรอชมกันจริง ๆ ค่ะ แต่พิ้งค์พลอยและพี่โก้ ทำเต็มที่แน่นอน”

อยู่วงการมากี่ปีแล้ว ได้เรียนรู้อะไรจากวงการนี้มากที่สุด?

“ประมาณ 5 ปีแล้วค่ะ ได้เรียนรู้เยอะมากค่ะ เพราะว่าเราเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย การได้เจอผู้คนมากมาย ได้ทำงานร่วมกับคนอื่น ทำให้เราได้ข้อคิด ได้วิธีการทำงาน เป็นการหล่อหลอมเรา เป็นประสบการณ์ที่ดี และยิ่งเราได้ทำงานกับผู้คนที่แตกต่างไป อย่างไปถ่ายละครกองนั้น ไปถ่ายละครกองนี้ แต่ละที่ก็จะมีสิ่งต่างกันให้เราได้เรียนรู้ค่ะ ทั้งเรื่องของการแสดง รวมถึงบางครั้งก็จะได้คำแนะนำในการใช้ชีวิตด้วย”

มีมุมมองยังไงกับคำว่า “นางเอก”?

“คำว่านางเอกจริง ๆ แล้วก็เป็นเพียงหนึ่งตัวละครของในละครทุกเรื่องค่ะ ในคำว่านางเอกจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีคาแรกเตอร์เพียงด้านเดียว นางเอกไม่จำเป็นต้องเรียบร้อยเท่านั้น นางเอกก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีทุกความรู้สึกค่ะ อย่างในละครแต่ละเรื่อง ตัวคาแรกเตอร์นางเอกก็แตกต่างกัน ดังนั้นคำว่านางเอกสำหรับพิ้งค์พลอย คือนักแสดงคนหนึ่งที่ได้รับบทบาทหนึ่งในละครเรื่องนั้น ๆ ค่ะ”

เวลาท้อหรือเหนื่อย กำลังใจสำคัญคืออะไร?

“ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่คืออันดับที่ 1 เลยค่ะ เพราะตัวพิ้งค์พลอยเองไม่ว่ามีเรื่องหรือปัญหาอะไร เราจะคุยกับที่บ้านก่อนเสมอ ซึ่งครอบครัวเราคือคนที่เข้าใจตัวเรามากที่สุดด้วยค่ะ”

วิธีรับมือกับดราม่า ในแบบ “พิ้งค์พลอย” คืออะไร?

“ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเลยนะคะ อย่างเรื่องไหนที่เกี่ยวกับเรา เป็นคำติที่เราสามารถนำกลับมาปรับแก้ไขได้ เราก็พร้อมกลับมาแก้ไข แต่จะไม่คิดมากจนเก็บมาร้องห่มร้องไห้นะคะ เราคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเป็นเหมือนแบบเรียน ที่จะทำให้เราโตขึ้น ถ้าชีวิตเราไม่มีดราม่าเลย ก็คงไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นรูปแบบชีวิตที่เดินไปบนถนนสวยงาม ไม่มีสะดุดอะไรเลย และถ้าเป็นอย่างนั้น เมื่อเราเกิดล้มขึ้นมาเราคงไม่รู้วิธีว่าเราจะลุกขึ้นได้แบบไหน จริง ๆ ถ้ามองว่าเป็นแรงผลักดันทำให้เราตั้งใจทำอาชีพนี้ให้ดียิ่งขึ้นไปน่าจะดีกว่าค่ะ”

ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบหยุดชะงักไปทั่วโลก ส่วนตัวเราในฐานะนักแสดงได้เรียนรู้อะไรจากวิกฤติที่ผ่านมาบ้าง และปรับตัวยังไง?

“เรื่องแรกเลยคือ รู้สึกว่าเราต้องดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ที่ผ่านมาเราคิดว่าเราก็ดูแลตนเองพอสมควรแล้ว แต่ในยุคนี้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ เราต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นทุกอย่าง ทั้งความสะอาด สุขอนามัย ในยุคโควิด-19 ไม่ใช่แค่ การล้างมือ การสวมแมสก์ แต่ต้องปรับวิถีชีวิตไปหลายอย่าง ซึ่งเราต้องปรับตัวตรงนั้นให้ได้ ส่วนในมุมของการทำงาน ช่วงที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่า เราจะมีอาชีพเดียวเป็นหลักคงไม่ได้ค่ะ จะต้องมีอาชีพเสริม อาชีพที่ 2 หรือ 3 ไว้ด้วย เพื่อรองรับอนาคต เป็นการหารายได้จากทางอื่น ยอมรับเลยว่าก่อนหน้านี้พิ้งค์พลอยไม่เคยคิดเลยนะคะ คิดว่าเราก็จะทำเพียงอาชีพนักแสดง แต่พอมาเจอภาวะโควิด-19 ทำให้เรากลับมาคิด ว่าเราคงต้องหาอะไรเพิ่มเติมแล้วจริง ๆ เป็นธุรกิจของตนเองค่ะ”

หากสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขบางอย่าง ทั้งเรื่องการแสดงหรือเรื่องอื่น ๆ ได้ อยากกลับไปแก้ไขในเรื่องอะไรมากที่สุดบ้าง?

“ไม่อยากกลับไปแก้ไขอะไรเลยค่ะ เพราะคิดว่าทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นเหมือนกับกำแพงที่พาให้เราก้าวข้ามมาได้จนถึงทุกวันนี้ เราคิดว่าถ้าทุกอย่างราบรื่นไปหมด ก็คงไม่มีความตื่นเต้นระหว่างทาง ในชีวิตก็จะมีบททดสอบต่าง ๆ เข้ามามากมายให้เราได้เรียนรู้ ดังนั้นถ้าย้อนเวลากลับไป แล้วเราเลือกจะกลับไปแก้ไขช่วงใดช่วงหนึ่ง ผลที่ตามมา วันนี้เราอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้ก็ได้ค่ะ”

ตอนนี้ เวลาที่คนนึกถึงชื่อ “พิ้งค์พลอย” อยากให้คนคิดถึงอะไรมากที่สุด?

คิดถึงรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะค่ะ คือเราได้ยินจากคนอื่น ๆ มาค่ะ ตัวพิ้งค์พลอยเองก็ไม่เคยสังเกตตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ยิ้มเยอะมาก แฟนคลับจะชอบบอกว่า พิ้งค์พลอยยิ้มตลอดเวลาเลย พอได้ฟังแบบนี้ก็รู้สึกดีนะคะ เพราะเมื่อเรายิ้มแล้ว คนที่ได้พบเราเขาก็จะยิ้มตามไปกับเราด้วย ดังนั้นถ้ามีคนคิดถึงพิ้งค์พลอย ก็เลยอยากให้คิดถึงรอยยิ้มของเราค่ะ”

คิดว่าความสำเร็จของนักแสดงคืออะไร

“ความสำเร็จของนักแสดง สำหรับเราไม่ได้คิดว่าจะต้องดังมากมายเป็นซูเปอร์สตาร์นะคะ แต่ความสำเร็จคือทุกคนได้เห็นเรา ในบทบาทที่แตกต่าง และคนดูเชื่อในบทบาทที่เราแสดงค่ะ นั่นคือความรู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จแล้วในฐานะนักแสดง”

เป้าหมายที่ “พิ้งค์พลอย” มองไว้ในปีนี้และอยากทำให้สำเร็จ คืออะไร?

อยากจะทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ เล็งเอาไว้ว่าอยากทำให้สำเร็จภายในปีนี้ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า หลังจากเกิดโรคโควิด-19 เรามีความรู้สึกว่าเราทำแค่อาชีพเดียวเป็นหลักไม่ได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจค่ะ อาจจะเป็นการขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเราอยากทำ ตอนนี้อยู่ในช่วงของการทดลองใช้ค่ะ คือเราคิดว่าถ้าจะขายเราต้องลองใช้เองก่อนด้วย ถึงจะกล้าออกมาขายได้อย่างมั่นใจว่าเราใช้เองแล้วมันดีจริง ๆ นะ ขออุบไว้ก่อนนะคะว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไร แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสวยความงามค่ะ”

อัปเดตความรักหน่อย?

“จริง ๆ เปิดใจอยู่ตลอดเลยนะคะ ไม่ได้ปิดเลย ก็มีเข้ามาทักทายกันบ้างค่ะ แต่เราอาจจะงานเยอะอยู่ แล้วก็ไม่ค่อยชอบอ่านข้อความด้วยค่ะ อาจจะตอบคนที่เข้ามาทักช้าไปบ้าง อีกอย่างคือเราเป็นคนห่วงนอนมาก (หัวเราะ) คือถ้ามีเวลาว่างได้พักผ่อน เราจะพักผ่อนจริง ๆ ค่ะ นอนได้คือนอน แล้วก็แทบจะไม่อ่าน ไม่ตอบข้อความใครเลย”

คนที่จะเอาชนะใจได้ ต้องมีนิสัยยังไง?

“ต้องเป็นคนที่ใส่ใจเรา ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ เรามองว่ารายละเอียดตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถมัดใจผู้หญิงคนหนึ่งได้ด้วยวิธีนี้นะคะ คือมันอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างแค่เราชอบอะไร เราไม่ชอบอะไร แต่จริง ๆ มันเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ รวมถึงคนที่สามารถคุยกับเราได้ทุกเรื่อง มีมุมมองไปในทางเดียวกัน จะทำให้คุยแล้วคลิกกันค่ะ แต่ถ้าถามเกี่ยวกับภาพลักษณ์ว่าสเปกเป็นแบบไหน พิ้งค์พลอยชอบคนมีเสน่ห์ค่ะ ชอบคนที่ไม่ได้หล่อมาก แต่เป็นคนที่เห็นแล้วรู้สึกว่าน่ารัก ส่วนตัวจะชอบผู้ชายเซอร์ ๆ ผมยาว ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้นค่ะ ส่วนหนุ่มเนี้ยบ ๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะคะ คือเรามองที่สถานการณ์ กาลเทศะด้วยมากกว่าค่ะ คือเซอร์แล้วดูคูล ๆ เราเป็นคนชอบคนมีเสน่ห์ น่ารักค่ะ

นิยามความรักในแบบของ “พิ้งค์พลอย” ณ วัยนี้ เป็นยังไง?

“ขอให้เป็นคนที่เข้าใจกันค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ทำงานหนัก และเราก็รักครอบครัวเรามากด้วย ดังนั้นความรักสำหรับพิ้งค์พลอยคือความเข้าใจ เข้าใจในหน้าที่การงานของเรา เข้าใจในชีวิตประจำวันของเรา อยู่กันแล้วสบายใจ มันคือเท่านี้เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้กันและกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน”

ในฐานะที่เป็นนักแสดงมีแฟนคลับ แฟนละคร มีมุมมองที่ดาราจะมีความรักยังไงบ้าง มีวิธีบาลานซ์เรื่องงานและความรักยังไง?

“พิ้งค์พลอยมองว่าในยุคนี้ การมีความรักของนักแสดง กับมุมมองเรื่องนี้ของแฟนคลับค่อนข้างเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนักแสดงอาจจะเปิดเผยเรื่องความรักไม่ได้มากนัก แต่สมัยนี้แตกต่างค่ะ เมื่อจะมีความรักแฟนคลับจะคอยซัพพอร์ต คือเขารู้สึกว่าได้เห็นคนที่เขารักกำลังมีความสุข อย่างถ้ามีความรักเปิดตัวไป แล้วมีงานด้วยกัน แฟนคลับก็จะยินดีด้วยมาก ๆ คือในมุมของเรา นักแสดงคือคนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำงานอาชีพนี้ ดังนั้นเขาก็น่าจะอยากแสดงความรักกับคนที่เขารัก และแฟนคลับก็พร้อมสนับสนุน เป็นกำลังใจให้เราค่ะ ส่วนการบาลานซ์ระหว่างงานกับความรัก พิ้งค์พลอยปล่อยไปตามธรรมชาติเลยค่ะ เข้ามาก็คือมา ไม่ได้ปิดกั้น เพียงแต่ในเรื่องของงานเราจะโฟกัสตรงนี้จริงจังมากกว่า สำหรับความรักเมื่อถึงเวลา เมื่อถึงจังหวะก็คงจะมีเข้ามาเองค่ะ”

อีกหนึ่งความรักคือแฟนคลับ มีอะไรประทับใจเล่าให้ฟังบ้าง?

“พิ้งค์พลอยจะมีหลายบ้านเหมือนกันค่ะ ทั้งพิ้งค์พลอยแฟมิลี่ พิ้งค์พลอยแฟนคลับ คือค่อนข้างเยอะ และทุกคนพร้อมที่จะซัพพอร์ต โดยการตั้งชื่อบ้านขึ้นต้นด้วยพิ้งค์พลอย ทุกคนทุ่มเท ใส่ใจ น่ารักกับเรามาก ๆ ในทุกด้าน อย่างการทำงาน เวลาเรามีผลงานอะไรออกมา ทุกคนก็ช่วยกันโปรโมต เป็นคนที่คอยซัพพอร์ต เป็นกำลังใจให้เรา ทั้ง ๆ ที่พี่ ๆ บางคนเรายังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ นอกจากจะช่วยโปรโมต เวลามีปัญหาพี่ ๆ ทุกคนพร้อมจะปกป้องเรา รวมถึงมีคำแนะนำให้เราด้วย ทุกคนเป็นห่วงใยเรา บางครั้งก็จะมีการส่งข้อความเข้ามาในรูปของเราในอินสตาแกรมบ้าง พิ้งค์พลอยอยากบอกว่าได้อ่านนะคะ แต่บางครั้งอาจจะไม่ได้ตอบกลับไปแต่จะกดหัวใจให้เขารู้ว่าเราได้อ่านนะคะ อ่านทุกข้อความเลย โดยเฉพาะช่วงที่เราป่วย เราติดโควิด-19 ตอนนั้นทุกคนเข้ามาให้กำลังใจตลอดค่ะ อย่างพี่ที่บ้านพิ้งค์พลอยแฟมิลี่ ก็จะเข้ามาถามตลอด น้องเป็นอย่างไรบ้าง พอจะส่งคลิปกลับมาให้ดูได้ไหม อัปเดตอาการให้ทุกคนรู้ด้วย ทุกคนเป็นห่วง คือมันเป็นเพียงคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะดูธรรมดา แต่ทุกคำพูดตรงนั้นคือกำลังใจของเรา ทำให้เรารู้ว่าทุกคนเป็นห่วงเราจริง ๆ พิ้งค์พลอยอยากขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะที่ซัพพอร์ตเรามาตลอดค่ะ และพิ้งค์พลอยจะตั้งใจทำงาน สร้างผลงานที่ดีให้ทุกคนได้ติดตามต่อไปนะคะ”

ฝากผลงานและฝากถึงแฟน ๆ หน่อย?

“ฝากผลงานละครเรื่อง สามีชั่วคืน ด้วยนะคะ อยากให้มาติดตามกันนะคะ รวมถึงผลงานของพิ้งค์พลอยในอนาคต ทั้งเรื่อง ปางเสน่หา และ เคหาสน์นางคอย ที่เพิ่งเปิดกล้องไป รวมถึงธุรกิจของพิ้งค์พลอยที่คิดว่าน่าจะได้เปิดตัวกันภายในปีนี้นะคะ ขอฝากไว้ด้วย และติดตามพิ้งค์พลอย อัปเดตกันได้ทุกวันทางอินสตาแกรม @pinkployy_ นะคะ”

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวสวยครบเครื่องทั้งมุมมองด้านการทำงานหัวใจ ส่วนใครที่อยากติดตามผลงานของ “พิ้งค์พลอย” อย่าพลาด “สามีชั่วคืน”  ทางช่อง 7HD  คืนอาทิตย์นี้เสนอเป็นตอนจบและดูย้อนหลังได้ที่ BUGABOO.TV  

วันวิสาข์ ดอกเงิน : เรื่อง