2 มีนาคม เป็นวันมินิคูเปอร์ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับที่มาของวันนี้มาจากการเล่นคำในญี่ปุ่นミ(3)ニ(2) = mi (3) ni (2) และย้อนไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2002 MINI COOPER จำหน่ายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย นั่นเอง

หนึ่งในยนตรกรรมที่คนทั่วโลกหมายตา อยากมีไว้ในครอบครองสักคัน นั่นก็คือ “มินิ คูเปอร์” (MINI COOPER) รถยนต์ขนาดเล็ก ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานไม่มินิตามชื่อ เพราะถูกออกแบบมาโดยเอาประโยชน์ใช้สอยเป็นตัวตั้ง พื้นที่ 80% ของรถ จึงเป็นพื้นที่โดยสาร ที่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์คลาสสิกและมีเอกลักษณ์ตลอดกาล

“มินิ คูเปอร์” (MINI COOPER) เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่กำเนิดขึ้นปี ค.ศ.1950 โดย เซอร์ อเล็กซ์ อิสสิกอนิส (Sir Alec Issigonis) นักออกแบบรถยนต์ประจำบริษัท BMC (British Motor Corporation) ยักษ์ใหญ่ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเห็นว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ในสมัยนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เครื่องยนต์ซีซีสูง แรงม้ามาก ซึ่งเกินความจำเป็น และมีราคาสูงเกินที่คนธรรมดาจะครอบครอง

ประจวบกับช่วงเวลานั้นเกิดวิกฤตการณ์น้ำมันในยุโรปพอดี เขาจึงนำความคิดดังกล่าวถ่ายทอดสู่ทีมงาน เพื่อระดมสมองออกแบบรถยนต์ในความคิด ภายใต้แนวทางการออกแบบที่ไม่เหมือนใครคือ รถยนต์คันนี้ต้องมีความยาวไม่เกิน 10 ฟุต และกว้างไม่เกิน 6 ฟุต แต่ในความเล็กนั้น ต้องยังคงความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีก 3 คนด้วย

หลังจากผ่านการปรับปรุงและพัฒนาหลายครั้งหลายคราว ในที่สุดยนตรกรรมฉบับ “มินิ” ก็ออกสู่ตลาดในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1959 โดยใช้ชื่อเรียกในช่วงแรกว่า “ออสติน เซเว่น” (Austin Seven) และใช้ชื่ออีกยี่ห้อหนึ่งว่า “มอริส มินิ ไมเนอร์” (Morris Mini Minor)

ต่อมาไม่นาน “ออสติน เซเว่น” ก็เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็น “ออสติน มินิ” (Austin Mini) มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 850 ซีซี 4 สูบ 35 แรงม้า ทำความเร็วได้สูงถึง 122 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในราคา 496 ปอนด์ ซึ่งทันทีที่เริ่มจำหน่ายก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากครอบครัวชาวอังกฤษ ด้วยเหตุผลที่สมควร นั่นก็คือราคาถูก

ในปี 1960 หลังจากออกสู่ตลาดเพียง 1 ปี มินิก็สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายถึง 116,000 คัน ต่อมา “จอห์น คูเปอร์” (John Cooper) นักแข่งรถระดับโลก ซึ่งสนิทสนมกับ “อิสสิกอนิส” ได้นำมินิไปปรับปรุงเครื่องยนต์ ให้ช่วงล่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตั้งชื่อใหม่ว่า “มินิ คูเปอร์” (MINI COOPER)

หลังจากนั้นมินิก็มีรถออกมาอีกหลายรุ่น และเป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยมินิรุ่นคลาสสิก (สะกดว่า Mini) ส่วน นิวมินิ ได้มาอยู่ใต้ชายคาของ BMW Group (สะกดว่า MINI–ตัวใหญ่ทั้งหมด)

โดยในวันนี้เมื่อ 19 ปีก่อน มินิได้เปิดตัวรุ่นพิเศษคือ “มินิ คูเปอร์ เอส” (MINI COOPER S) ที่มาพร้อมกับขุมพลังในระดับ 163 แรงม้า จากเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ และได้เดินทางจากประเทศอังกฤษ ไปจำหน่ายครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง

และมีหลากหลายรุ่นที่เมื่อเวลาผ่านไป ได้กลายเป็นรถคลาสสิกอันทรงคุณค่า ที่นักสะสมอยากได้ไว้ในครอบครอง