ช่วงยอดโควิดทะลักป่วยนับหมื่นรายแบบนี้ คงทำให้ท่านผู้ชมไม่ค่อยสะดวก หากจะออกไปเที่ยวหรือทำงานในพื้นที่สาธารณะที่ผู้คนพลุกพล่าน ยิ่งเศรษฐกิจช่วงนี้น้ำมันขึ้นราคา ของกินของใช้เตรียมปรับราคาตามไปด้วย แน่นอนว่าหลายชีวิตต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงครอบครัว ย่อมเกิดความเครียดเป็นธรรมดา ด้วยเหตุนี้ ดูหนังกับหมี เลยสรรหาภาพยนตร์แนวน่ารัก ๆ อารมณ์ดี มารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันนะครับ โดยสัปดาห์นี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix นำซีรีส์เกาหลีมาลงให้ชมกันมากมาย โดยหนึ่งในนั้นมีเรื่องที่น่าสนใจก็คือ Twenty Five Twenty One ซึ่งติดชาร์ตอันดับ TOP 5 มา 2 สัปดาห์แล้ว แม้จะเพิ่งฉายไปได้เพียง 8 EP ก็ตาม (ทั้งหมดมี 16 EP)

สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือ การพาท่านผู้ชมไปรู้จักกับโลกในยุค 90 (1998) ซึ่งเป็นช่วงที่โลกของเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีหลายอย่าง โดยสมัยนั้นยังไม่มี “สมาร์ทโฟน” ที่อำนวยความสะดวกในแทบทุกด้านเหมือนสมัยนี้ อีกทั้งยังเป็นยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านด้านแฟชั่น ค่านิยมด้านต่าง ๆ เราจะได้เห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนน มีผู้คนต่อคิวเพียบ ร้านเช่าหนังสือที่เหล่าวัยรุ่นไม่เคยพลาด เครื่องวิทยุเล่นเทปสำหรับฟังเพลงในห้อง เครื่องวิดีโอเทปสำหรับดูหนัง ซาวด์อะเบาต์ ที่วัยรุ่นนิยมพกติดตัว รวมไปถึง วิทยุติดตามตัว หรือ เพจเจอร์ ไว้ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารในการทำงาน ซึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ กลายเป็นของโบราณที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันแล้ว

เรื่องย่อ Twenty Five Twenty One
ในช่วงปี 1998 ช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ กำลังทำให้กิจการหลายอย่างในเกาหลีใต้ ต้องเจ๊งแบบไม่เป็นท่า นาฮีโด (รับบทโดย คิมแทรี) ลูกสาวผู้ประกาศข่าวชื่อดัง กำลังไล่ล่าความฝันเป็นนักกีฬาฟันดาบมืออาชีพ แต่เพราะพิษเศรษฐกิจทำให้ทางต้นสังกัดของเธอขาดเงินสนับสนุน เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ย้ายไปยังโรงเรียนที่สามารถสานฝันของเธอต่อได้ นั่นจึงทำให้เธอได้เจอกับ โกยูริม (รับบทโดย คิมจียอน หรือ โบนา) นักกีฬาฟันดาบมืออาชีพ ผู้เป็นต้นแบบของเธอ รวมทั้ง แพคอีจิน (รับบทโดย นัมจูฮยอก) หนุ่มร่างสูงที่อดีตเคยเป็นลูกคุณหนูมีรถหรูขับ แต่เพราะกิจการของพ่อล้มละลาย ทำให้เขาตกอับ ต้องมานะบากบั่นหาเงินสู้ชีวิตด้วยตัวเอง ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ นาฮีโด ในปี 2021 ที่ประสบความสำเร็จ มีลูกสาวที่น่ารัก ก่อนจะเล่าย้อนไปในยุคที่ “นาฮีโด” กำลังสู้ชีวิตและชีวิตก็สู้กลับมา หล่อหลอมให้เธอแข็งแกร่งก่อนที่จะมาประสบความสำเร็จ สัมผัสความคลาสสิกเหล่านี้ได้ทางช่อง Netflix เท่านั้น

ความโดดเด่นของ Twenty Five Twenty One
เมื่อผู้กำกับ “ชองจีฮยอน” ผู้อำนวยการผลิตซีรีส์ Search: WWW (2019) The King: Eternal Monarch (2020) และ You Are My Spring (2021) จับมือกับ “ควอนโดอึน” ที่เคยเขียนบทซีรีส์ Search: WWW (2019) เพื่อเปิดแง่มุมความรักของคนหนุ่มสาวในสมัย 1998 เนรมิตความเรโทรในทุกแง่มุม จนทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ราวกับดูหนังเก่า ๆ ย้อนวัย แล้วมีความคลาสสิกฟิลกู้ด สอดแทรกไปด้วยแง่มุมการใช้ชีวิตที่ต้องอดทนฝ่าฟันของนักกีฬาฟันดาบในประเทศเกาหลีใต้ ปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้คนต้องดิ้นรนหาเงินทองเลี้ยงชีพ ที่สำคัญที่สุดคือ การสะท้อนปัญหาความเข้าใจกันในครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเล่าโดยการถ่ายทอดตัวละครหลักทั้ง 3 คือ นาฮีโด, โกยูริม และ แพคอีจิน บทไหลลื่น สนุกฮาและน้ำตาไหล ดังประโยคยอดนิยมในเรื่องนี้ที่ว่า “….หากสู้ชีวิตแล้วชีวิตสู้กลับใช่ไหม กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องลำบากขนาดไหน ต้องแอบร้องไห้มามากแค่ไหน ต้องเจ็บปวดมาตั้งเท่าไหร่….”

จุดอ่อนของ Twenty Five Twenty One
เพราะการใส่บทดราม่าของ ตัวละคร 2 นาง ทั้ง นาฮีโด และ โกยูริม ให้มีความแตกต่างกันหลาย ๆ ด้าน แต่ที่เหมือนกันคือ ต้องสู้ชีวิต แต่ทว่าบทในเรื่องมักจะส่งให้ “โกยูริม” ดูเป็นคนมีอีโก้มากกว่า ประมาณเก่งแล้วหยิ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดอะไร ออกจะดูแอบร้ายด้วยซ้ำ ซึ่งจริง ๆ หนังควรจะปูเรื่องมาให้แน่นก่อนจะได้เข้าใจ แต่เพราะหนังเพิ่งเริ่มไปเพียงครึ่ง EP ก็เลยทำให้ความเคลือบแคลงสงสัยเช่นนี้ ยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

5/5 กะโหลก ตัวละครโดดเด่นมีคาแรกเตอร์เป็นของตนเอง บทของวัยรุ่นที่มีพลัง น่ารัก สดใส ทั้งยังแฝงด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เป็นซีรีส์ที่สามารถวนกลับมาดูกี่รอบก็ได้เพราะความคลาสสิกของยุคสมัยนั่นเอง

————————————————————————–

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และ Netflix