เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมชี้แจงการจัดทำข้อมูลค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการศึกษาเอกชน ว่า วันนี้ถือเป็นความร่วมมือร่วมใจ ที่สำเร็จมาอีกก้าวหนึ่ง และได้เห็นถึงความคืบหน้า โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ทางสำคัญและขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง หลังมีการสะท้อนปัญหาจากผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ที่ทำการศึกษาในทุกพื้นที่ของประเทศ ที่สำคัญคือเรื่องเงินอุดหนุนรายบุคคล ทั้งเรื่องโรงเรียนเอกชนการกุศลยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนสมทบค่าธรรมเนียมในอัตราเดิม / โรงเรียนการกุศลที่จัดการศึกษาเพื่อผู้สงเคราะห์ ที่จะต้องสงเครราะห์ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสในลักษณะต่างๆ ที่ได้ทำอยู่โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา ส่งผลให้เงินอุดหนุนที่โรงเรียนการกุศลได้รับไม่สามารถที่จะสะท้อนค่าใช้จ่ายจริงและมีอัตราที่ต่ำกว่าโรงเรียนเอกชนสามัญทั่วไป / โรงเรียนเอกชนจำนวนมาก ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้แกครูได้ เนื่องจากการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาไม่ได้ เพราะความขาดสภาพคล่องทางการเงินแล้วยังเกิดจากควาใผันแปรที่เป็นโรคอุบัติใหม่ทั้งโควิด-19 หรือ โรคฝีดาษลิง ที่กำลังแพร่ระบาดในต่างประเทศขณะนี้ / การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบ เงินเดือนครู เพื่อที่ตะให้สอดคล้องกับค่าครองชีพและภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากเรื่องนี้ ยังไม่ได้รับการปรับมาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ สช.และสภาการศึกษา ไปทำการศึกษาวิจัยอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั่นพื้นฐานสำหรับโรงเรียนเอกชนให้สอดคล้องกับต้นทุนจริงในการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ สิ่งที่จะสามารถขับเคลื่อนเรื่องนี่ได้ ต้อขอความร่วมมือผู้บริหารโรงเรียนเอกชนทุกแห่งที่ได้รีบเงินอุดหนุนให้ความร่วมมือและกรอกข้อมูลค่าใช้จ่ายที่จะใช้การจัดการศึกษาอย่างถูกต้อง ครบถ้วนเพื่อที่จะนำข้อมูลไปใช้ที่เป็นประโยชน์ต่อไป จากการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันพุธท่ผ่านมา ไปเยี่ยมโรงเรียนการศึกษานอกระบบที่พยายามจัดการศึกษา โดยได้มีผู้แทนจาก รร.เอกชน เข้ายื่นหนังสือและขอบคุณ เนื่องจากได้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตั้งใจจะช่วยกันแก้ปัญหาในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ตนเองยังแนะนำสภาการศึกษาด้วยว่า เมื่อจะมีการเก็บข้อมูล ค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการศึกษาเอกชน ปีการศึกษา 2562 ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประเภทสามัญศึกษา แล้ว ก็ควรเก็บข้อมูลในปี 2564 ด้วย และนำข้อมูลมาเปรียบเทียบเพื่อสังเคราะห์และวิเคราะห์ให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือโรงเรียนเอกชน ให้ข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุด ก็จะได้เร็วที่สุด สงสัยก้อสอบถามได้ พร้อมยืนยัน จะพยายามทุกวิถีทางแล้วที่จะทำให้โรงเรียนเอกชนได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ส่วนสวัสดิการรักษาค่าพยาบาล ก็มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด พร้อมย้ำขอให้รักษาคุณภาพของการศึกษาที่มีมาตรฐานไว้ด้วย