เมื่อเวลา 15.25 น. วันที่ 4 ก.ค.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกระแส “ชัชชาติ ฟีเวอร์” จะส่งผลสะเทือนถึงพรรค พปชร.หรือไม่ ว่า กระแสดังกล่าวมองว่าเป็นบางพื้นที่ ถ้าเป็นใน กทม.ก็ต้องยอมรับ เพราะเขาทำพื้นที่ใน กทม.มาก่อน แต่ถ้าไปที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของตน ก็คิดว่าตนฟีเวอร์ หรือถ้าไปภาคอีสาน หรือไป จ.ตรัง ที่เป็นบ้านของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ก็ต้องฟีเวอร์กว่า ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพื้นที่ของใคร เป็นที่ชาวบ้านจับต้องได้และทำมวลชนหรือมีการประชาสัมพันธ์อยู่ในพื้นที่นั้นๆ มาก่อน ทั้งนี้ยอมรับว่านายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แสดงวิสัยทัศน์ที่ชาญฉลาดอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา ในอดีตเราเคยมีคนที่ฟีเวอร์แบบนี้หลายคน จึงขอให้ดูกันที่ผลลัพธ์จะดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสวิจารณ์เปรียบเทียบการทำงาน 1 เดือนของผู้ว่าฯ กทม. กับการทำงานของผู้นำประเทศ ค่อนข้างมาก นายสุชาติ กล่าวว่า ถามว่า 1 เดือนที่ผ่านมา นายชัชชาติทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผู้นำของเราทำอะไรบ้าง ต้องดูตรงนี้ ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใครจะเข้ามาควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดีขนาดนี้ ต้องมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานมามาก ทำมาหลายอย่างแก้ปัญหาทุกมิติ ให้พูดทั้งวันก็พูดไม่หมด ฉะนั้นทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องออกมาเพื่อช่วยกันพูดถึงผลงานที่ได้ทำมาแล้ว เช่น ทำให้ส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ประเทศอื่นเจ๊งกันหมด อย่างนี้ทำไมไม่ถามว่า นายกฯ ทำได้อย่างไร ต้องบอกว่านายกฯ เก่งมาก เก่งที่สุดในโลก ทำไมสื่อมวลชนไม่ถามอย่างนี้

“การออกไปตรวจพื้นที่ไม่ยาก แค่นั่งรถไปตรวจก็ได้ หรือออกไปกินข้าวกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยก็ไม่ยาก แต่ถามว่าทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ขอให้กำลังใจให้แก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ได้ก่อน และชื่นชมเรื่องนี้ที่เขากล้าตัดสินใจ กล้าแก้ปัญหา ถือเป็นความเด็ดเดี่ยว หากทำได้จะเป็นผลงานชิ้นโบแดง การเลือกผู้นำที่เป็นผู้ว่าฯ หรือจะเลือกผู้นำของทั้งประเทศ เพราะผู้นำเป็นผู้คิดนโยบายแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มองไปข้างหน้า ไม่ได้เป็นแค่ผู้นำ ที่ประชาชนมองว่าทุ่มเทมาก ฝนตกน้ำท่วมลงไปเปิดท่อ มันไม่ใช่ ถ้าเป็นผมจะบอกว่า น้ำห้ามท่วม ขยะตัน จะให้เวลาภายในหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นจะลงไปดู อย่างนี้เรียกว่าเป็นนโยบายที่ผู้นำจะต้องทำ จึงขอให้ทุกคนเปลี่ยนความคิด ย้ำว่าเราไม่ได้ไปแตะต้อง เพราะไปแตะนิดๆ ก็มีปัญหา แต่กำลังบอกว่า ขอให้กำลังใจในการทำงาน”

นอกจากนี้ นายสุชาติยังกล่าวถึงความพร้อมกิจกรรมโรดโชว์พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย ในวันที่ 10 ก.ค.65 ที่จ.ชลบุรี ว่าตนไปดูความพร้อมที่จ.ชลบุรีมาเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เรื่องของสถานที่และวางแผนว่าเวทีอยู่ตรงไหนเก้าอี้นั่งได้กี่ที่ พร้อมได้พบกับชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นที่ได้มาหา และวันที่ 10 ก.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ลงพูดคุยและปราศรัยกับพี่น้องชาวชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง 

“วันนี้เรายังเชื่อมั่นว่าในภาคตะวันออกพรรคพลังประชารัฐยังเป็นพรรคอันดับ 1 ซึ่งที่ผ่านมา เช็คจากจำนวนส.ส.ภาคตะวันออก พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคอันดับต้นๆและเราจะครองแชมป์ส่วนนี้”  

เมื่อถามว่าจ.ชลบุรี เป็นพื้นที่จุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งหน้านายสุชาติ กล่าวว่า จ.ชลบุรี ถือเป็นจุดแข็ง เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้วถือเป็นจุดแข็งที่สุด นอกจากนี้จังหวัดใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นฉะเชิงเทราหรือระยอง เรามีส.ส.หมดเลย จุดแข็งของเราคือในพื้นที่อุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมาพรรค โดยเฉพาะตนที่เป็นรัฐมนตรีแรงงาน ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับผู้ใช้แรงงานบ้าง การเยียวยาแต่ละพื้นที่ไปเท่าไหร่ การจ้างงานเติบโตเท่าไหร่ ทุกอย่างไม่ได้เกิดจากความฟลุ๊ค แต่เกิดจากการวางแผน เกิดจากนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่อยู่ๆจะตกจากฟ้า มาจากความคิดและการกระทำที่ทำให้เป็นรูปธรรม