เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชี้แจงมาตรการรับมือวิกฤติพละงงาน โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยได้มีแผนยุทธศาสตร์ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว ขอให้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะไม่ขาดแคลนทั้งพลังงานและอาหารซึ่งขณะนี้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ เพื่อบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ เร่งรัดแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในการช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะ ในการประชุม ครม.วันนี้ มีการอนุมัติจัดสรรงบประมาณ งบกลางปี 2565 ที่เคยเห็นชอบหลักการไปแล้วเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษ ให้ประชาชนสูงอายุ 10.9 ล้านคน​ ซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนักในรายบุคคล แต่เมื่อรวมแล้วใช้วงเงินประมาณ 8,300 ล้านบาท โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มรายละ 100-250 บาท ตามช่วงอายุ ภายในเดือน ก.ค.จะเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือย้อนหลัง 4 เดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ก.ค.และจะทยอยอีก 2 งวดที่เหลือในรอบเดือนต่อๆไปถึงเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่น้อยแต่เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยไม่มากก็น้อยซึ่งในตอนนี้เราต้องหาทางช่วยกัน​และรัฐบาลจะทำเท่าที่เราทำได้ โดยต้องไม่มีผลต่องบประมาณโดยรวมมากนัก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า​ ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม. มีมติยกเว้นค่าทำเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยยกเว้นค่าทำเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ 40 บาทต่อห้องพัก ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 ลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากถึง 47 ล้านบาท โดยจะขยายเวลาไปถึงปี 2567 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในช่วงเปิดประเทศ ซึ่งเป็นผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม วันนี้ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการ ลูกจ้าง พนักงาน ได้ประโยชน์ตรงนี้ด้วย

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า นายกรัฐมนตรีมีอารมณ์ดีกว่าครั้งอื่นๆ โดยทันทีที่มาถึงโพเดียม นายกฯได้ฮัมเพลง​ ก่อนที่จะถอนหายใจ 1 ครั้ง​พร้อมกับสอบถามสื่อมวลชนที่มารอบริเวณทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้าและตึกสันติไมตรี ว่า ได้ทานข้าวกันแล้วหรือยัง ก่อนที่จะพูดแซว ว่า บางคนไม่ต้องทานเยอะหรอก เพราะตัวอ้วน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่า ครม.อนุมัติวงเงิน 8,382 ล้านบาท จ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุจำนวน 10.95 ล้านคน เพื่อบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ เดือนเม.ย. – ก.ย 2565ตามที่มติครม.เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 65 อนุมัติหลักการ ให้จ่ายช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ (เฉลี่ยรายละ 100-250 บาท/คน/เดือน ตามช่วงอายุ)

โดยโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เมษายน – กันยายน 2565 มีสิทธิ 4 กลุ่มดังนี้

(1)อายุ 60 – 69 ปี ( จำนวน 6.5 ล้านคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 100 บาท/คน/เดือน
(2)อายุ 70 – 79 ปี (จำนวน 3.0 ล้านคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 150 บาท/คน/เดือน
(3)อายุ 80 – 89 ปี (จำนวน 1.2 ล้านคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 200 บาท/คน/เดือน
(4)อายุ 90 ปี ขึ้นไป (จำนวน 1.9 แสนคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 250 บาทต่อคนต่อเดือน

นายธนกร กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ได้รับการยืนยันข้อมูล จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา พบว่ามีผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,946,646 คน เพิ่มขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2565 จำนวน 50,202 คนซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ลงทะเบียนของกลุ่มผู้มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยสูงอายุ ที่นับรวมผู้สูงอายุที่จะครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปี 2565 วงเงินงบประมาณจำนวน 8,382.2 ล้านบาท

สำหรับแผนการจ่ายเงินครั้งแรก กำหนดงวดที่หนึ่ง ในวันที่ 19 ก.ค. 2565 นี้ เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษครั้งเดียวสำหรับ 4 เดือน (เม.ย.-ก.ค. 2565) ครั้งที่สอง 19 ส.ค. 2565 สำหรับเดือนส.ค.และครั้งที่สาม 19 ก.ย. สำหรับเดือนก.ย. 2565 โดยวิธีการดำเนินการการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ จะดำเนินการทั้งในรูปแบบการจ่ายเข้าบัญชีธนาคาร โดยกรมบัญชีกลาง และการจ่ายเงินสดให้กับผู้สูงอายุ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา.