สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่า นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นไอเอไอดี ) กล่าวเมื่อวันพุธ เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศ ว่าเส้นกราฟแนวโน้มผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยแบบมีอาการ "กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" ซึ่งเป็นผลจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา และสหรัฐ "จะมีปัญหา" หากทุกฝ่ายปล่อยปละละเลยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป โดยเฉพาะการที่กลุ่มคนซึ่งยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ยังคงปฏิเสธการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ เพียงไม่กี่เดือนที่แล้ว สหรัฐมีสถิติผู้ติดเชื้อรายวันประมาณวันละ 10,000 คน แต่กำลังจะแตะ 100,000 คนอย่างเป็นทางการ และฉากทัศน์แนวโน้มผู้ป่วยภายในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ อาจพุ่งขึ้นเป็นวันละ 200,000 คน และผู้เชี่ยวชาญกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีน "เข็มที่สาม" หรือ "บูสเตอร์" ให้แก่ชาวอเมริกันด้วย
ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ( ซีดีซี ) ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เฉลี่ยในรอบ 7 วันล่าสุด นับจนถึงวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 84,389 คน และซีดีซีมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในกลุ่มรัฐทางตอนใต้ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำมาก ได้แก่ ฟลอริดา เทกซัส ลุยเซียนา มิสซูรี อาร์คันซอ แอละแบมา และมิสซิสซิปปี ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยต้องเข้ารับการตัวในโรงพยาบาลรวมกัน คิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว.

เครดิตภาพ : REUTERS