เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติร่วมกัน ที่จะใช้ช่องทางของรัฐสภา ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ในการตรวจสอบคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี โดยจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส. ในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบื้องต้นได้ให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค พท. ไปประสานกับสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เพื่อเตรียมยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯในวันที่ 17 ส.ค.นี้

“แนวทางผ่านสภาฯถือเป็นแนวทางตรงที่สามารถทำได้ หากวุฒิสภา (ส.ว.) จะยื่นในลักษณะเดียวกันสามารถทำได้เช่นกัน ส่วนแนวทางยื่นผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นอีกช่องทางที่สามารถทำได้ แต่มติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ได้ยึดแนวทางนั้น แต่ไม่ปิดทางหากจะมีสมาชิกคนใดเลือกแนวทางที่จะยื่นต่อ กกต.” นพ.ชลน่าน กล่าว

ทางด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า วันนี้มีการสร้างกระแสที่ผิด สร้างตรรกะที่ผิดกันเยอะว่า เรื่อง 8 ปีเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ตนบอกเลยว่าผิด ที่จริงแล้วเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้านับเลขถูก 1-8 ท่านจะรู้ว่าควรจบที่ไหน เมื่อรู้ว่าจบที่ไหนก็ให้ดูที่ข้อกฎหมาย ดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและข้อเท็จจริงว่าที่บัญญัติเรื่องนี้เพราะอะไร หากดูแล้วจะรู้ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั่นแหละที่จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง อย่าให้เป็นภาระของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นภาระของประชาชนที่ต้องออกมาแสดงความแตกต่าง อาจนำไปสู่การปะทะกันทางความคิด แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังคิดไม่ได้ หรือไม่มีสำนึกในเรื่องนี้ ตรงนั้นถึงจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ

“ต้องเอาให้ชัดว่าคนแรก หน้าที่แรกต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งการใช้ศาลมาตัดสินคน เป็นกระบวนการที่คนพูดคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว โดยทั่วไปศาลจะทำหน้าที่ ต่อเมื่อคนพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าคนพูดคุยกันรู้เรื่อง ศาลจะไม่ต้องทำหน้าที่ จึงขอฝากสังคมและฝาก พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย”

นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ มิให้เกิน 8 ปี ชัดเจนว่า เพื่อไม่ให้เกิดการอยู่ต่อเนื่องยาวนานเกินไป อาจเกิดความขัดแย้งและเกิดวิกฤติการเมือง มันคือข้อกังวลและเจตนารมณ์ที่ออกกฎหมายนี้มา แต่เมื่อมาดูข้อเท็จจริงว่าวันนี้ครบ 8 ปีแล้วหรือยัง คงไม่ต้องถามว่านับเมื่อไร ข้อเท็จจริงวันนี้มันกำลังจะเกิดความขัดแย้งขึ้นหรือยัง ข้อเท็จจริงวันนี้มันกำลังจะเกิดความขัดแย้งขึ้นหรือยัง และจะเกิดวิกฤติทางการเมืองหรือไม่

ส่วน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรค พท. กล่าวว่า คงไม่ต้องมองไปถึงข้อกฎหมาย แต่จากสถานการณ์บ้านเมือง และความเป็นอยู่ของประชาชน เหมือนเป็นการพิพากษาไปแล้วตั้งแต่ 4 ปีแรก สุดท้ายต่อให้กฎหมายเอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อได้ แต่คงอยู่อย่างไม่มีความสุข ไปที่ไหนจะมีแต่เสียงเชิงลบ และหากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติจริง เชื่อว่าอีก 10 ปีก็ยังสามารถอยู่ได้ ทั้งนี้ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ยอมลาออกเอง เพราะถ้าจะลาออกคงออกไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ด้วยสไตล์ของ พล.อ.ประยุทธ์ คงจะกลัวเสียฟอร์ม คงใช้วิธีถูกบังคับให้ลาออกหรือทางกฎหมาย

“ท่านก็คนไทย ผมก็คนไทย พี่น้องทั้งประเทศก็คนไทย เขาจนกันทุกๆ คน ฝากที่เคยบอกทำเพื่อชาติ คราวนี้จะเป็นครั้งสำคัญ การลงอย่างสง่างาม ท่านจะเป็นรัฐบุรุษ และจะถูกชื่มชนจากประชาชนหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวท่านเอง” นายจิรายุ กล่าว.