ทำเอาหลายคนช็อกหนักมากหลังดาราดัง แอน ทองประสม ไปแจ้งความหลังถูกลูกน้องคนสนิทขโมยทรัพย์สินหายไปกว่า 20 ล้าน ทำเอาเจ้าตัวเครียดมากและยอมรับว่าไม่คิดว่าจะทำกันได้ ล่าสุดเจอตัวสาวแอนในงาน UNIQLO Fall/Winter 2022 Today’s Classics จึงต้องถามถึงเรื่องนี้สักหน่อย

แอน เผยว่า “คดีตอนนี้ก็อยู่ในช่วงติดตามเอาของคืนค่ะ ก็ต้องไปคุยกับตามที่ทางผู้ต้องหาเอาของเราไปจำนำ เอาของเราไปฝากขาย ก็อยู่ในช่วงที่ เฮ้อต้องต่อสู้นิดนึง ยังไม่มีชิ้นไหนได้กลับมานะคะ อยู่ในช่วงของการหาข้อมูล แล้วก็เตรียมไปเจรจาค่ะ เรื่องโรงรับจำนำอันนี้ก็ต้องสืบกันต่อไป ต้องหาข้อมูลกันต่อไป อย่างที่บอกว่ามันก็มีหลายรูปแบบ มีทั้งที่พร้อมจะยินดีและไม่ยินดี เราก็ต้องเอาหลักฐานมาคุยกัน ต้องใช้กฎหมายเข้าไปช่วย แอนก็หวังว่ากฎหมายจะคุ้มครองผู้เสียหายอย่างแอนบ้าง แอนก็อยากจะลองต่อสู้ หมายถึงว่าหาข้อมูล หรือทำทุกอย่างให้มันไปในทางที่ถูกต้อง ที่เราสมควรที่จะได้รับการดูแล ก็พยายามหาข้อมูลอยู่ มันเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟค่ะ บางทีอ่านแล้วอันนี้อาจจะเข้าข่าย อันนี้ไม่เข้าข่าย ก็ไปหาข้อมูลเอา แอนเพิ่งไปหาข้อมูลกับทนายมา ก็เพิ่งได้ข้อมูลมาเนี่ยค่ะ หลังจากนี้ก็ค่อยไปย่อยกันอีกที แล้วค่อยจัดสเต็ปว่าจะยังไงต่อ เข้าไปสำนักอัยการมาแล้วค่ะ ไปดูทิศทาง ไปดูแนวทาง ในฐานะที่เราเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ตรงนี้ ชีวิตเราก็ต้องเดินต่อ ต้องแก้ไขปัญหาต่อ แต่พอเราไปยืนอยู่ตรงนั้นก็แบบ…นี่เรามาศาลเหรอ จะมีความรู้สึกแบบ ทั้งชีวิตเรา ใช้ชีวิตระวังตัวมาก แทบจะไม่ทำผิดกับใคร แต่ลืมคิดในมุมที่เราจะถูกกระทำ มันก็ไม่ทันได้ระวังตัวตรงนั้น ก็กลายเป็นว่าต้องมายืนตรงนี้ มันก็เลยงงๆ นิดหน่อย”

“ที่แอนโพสต์ว่า ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้แอนก็งงเหมือนกัน มายืนแล้วแอนก็เหมือนใจสั่น มีความรู้สึกหวั่นไหวบ้าง เพราะไม่คุ้นตา ไม่คิดว่าจะมามากกว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดไปในทางไหนชัดเจน อยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูล และเราจะดูว่าเราไปทางไหนได้ ก็ต้องให้ทนายไปย่อยอีกที แล้วแอนค่อยมาบอกได้ไหมคะ ถามว่าตอนนี้นอนหลับปกติไหม เอาจริงๆ แอนหลับนะ แต่มันเป็นมุมเหมือนดีเลย์มากกว่า เหมือนอยู่ๆ ก็แบบอะไรอะ นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม มันมาเป็นวูบๆ เวลาเราหายยุ่งจากงาน หรืออยู่ๆ ความเศร้ามันเข้ามาก็มีบ้าง ที่แบบ…เฮ้ย มันเกิดขึ้นกับเราได้ยังไง แล้วภาพที่เราเห็นวันนั้น มันไม่ใช่เหรอ ทำไมมันเกิดสิ่งนี้กับเรา มันเป็นแฟลชแบ๊กเข้ามา แต่โชคดีอย่างหนึ่ง คือ แอนเป็นคนยุ่งมาก มีอะไรให้ทำตลอดเวลา มันก็เลยทำให้เราไม่อยู่จมกับตรงนั้น ชีวิตแอนมันไปข้างหน้า แอนล้าไม่ได้ แอนต้องหาข้อมูลเพื่อยืนต่อให้ได้ มันก็เลยกลายเป็นว่า อาจจะเป็นช่วงสั้นๆ ที่เรารู้สึกหวั่นไหว มนุษย์ทุกคนโดนตีก็เจ็บ เราโดนลมพัดแรงๆ เราก็มีเซๆ แต่เราก็พยายามจะทำให้มันเสถียร ประคองให้มันไปต่อได้”

สิ่งที่น่ารักอย่างหนึ่ง ในยามที่เราเจออะไรแบบนี้ แอนเพิ่งเห็นว่ามีคนดีๆ อยู่รอบตัวแอนเยอะมาก แล้วเขาไม่เคยได้แสดงความรู้สึกนั้นกับเรา เขาดูเห็นใจเรา ก็มีความอบอุ่นตรงนี้แผ่ออกมาให้เรารู้สึกดีเรื่อยๆ มีคนเจอแบบนี้มาแชร์ข้อความให้เราด้วยคือมีหลายรูปแบบเลยค่ะ แอนถึงบอกว่าแอนบอกเป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ที่ชัดเจนตอนนี้ไม่ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่เราจะไปต่อสู้กัน ถ้าเราทำข้อมูลได้ดี เราชัดเจน เราก็สามารถไปต่อได้ ก็จะมีคนทั้งที่แบบเป็นเวย์นั้นเวย์นี้มาเยอะแยะ เราก็ต้องมีสติในการฟัง ว่าอันไหนมันใกล้เคียงเคสเรา อะไรแบบนี้ค่ะ ของที่เหลืออยู่จัดการยังไง เอาเป็นว่าถ้าเห็นใส่อะไรตอนนี้คือของปลอม เอาอย่างนั้นดีกว่า (หัวเราะ) ก็กลายเป็นคนขี้ระแวงมีนิดนึงเหมือนกันนะ คือแบบจะวางกระเป๋าก็ไม่กล้าวาง มันเหมือนเรารู้แหละว่าไม่มีใครเอาหรอก แต่เราอย่าไปสร้างนิสัยให้คนที่ไม่เคยคิดจะเอาได้มีโอกาสจะเอา ดังนั้นเราก็เลยต้องดูแลตัวเอง ซึ่งของแอนจะเป็นในลักษณะนั้นมากกว่า ไม่ใช่ว่าแอนไม่ไว้ใจคนที่อยู่รอบตัวนะ แต่ว่าดูแลตัวเองดีกว่า เราคิดแค่นั้นจริงๆ”

แอน เล่าต่อว่า “ของที่มี ที่แอนเก็บมาตั้งแต่อายุ 15-16 ปี คือ แอนไม่ได้เพิ่งเก็บ แต่แอนเก็บสะสมทีละเล็กละน้อยของแอนมาเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนนั้นมันก็ไปหมด แต่ว่ามันอาจจะมีนาฬิกาอีกอันที่มันเป็นรุ่นที่ไม่สามารถปล่อยขายได้ในทันที มันก็เลยทำให้ไม่ได้ถูกเอาไป ของที่มีค่าทางใจ มีค่ะ มีของหมั้น อันนั้นก็เสียใจ ของหมั้นที่พี่เอให้มีรวมอยู่ในนั้นด้วย เป็นแหวนก็มีก้อนนั้นรวมอยู่ด้วย พี่เอไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ เขาแค่เดินมากอด อย่างตัว น้องญาญ่า ที่ได้เจอกันวันนี้ เขาเองก็เดินมากอดแอนแน่นๆ ช่วงนี้แอนได้รับการกอดแน่นๆ มาตลอดตั้งแต่เกิดเรื่อง ซึ่งมันช่วยแอนได้ แค่นี้มันก็พอแล้ว ส่วนคิมเบอร์ลี่เจอกันบ่อยค่ะเพราะอยู่ที่เดียวกัน และก็จะมีแบบขอให้คิมลงมาหาพี่หน่อยพี่ไม่ไหวแล้ว พี่อยากมีเพื่อนคุย ซึ่งนางก็ลงมา เป็นการคุยกับพี่น้องปกติทั่วไป ส่วนที่คนสงสัยว่าเป็นคนเดียวกับที่ขโมยของคิมไหม อันนั้นก็ในส่วนของคิม ต้องเป็นข้อมูลที่คิมต้องไปจัดการต่อ คือมันเป็นคนละเหตุการณ์กับแอน แอนจะไปผสมโรงไม่ได้ เราก็คุยกัน อันนั้นเป็นเรื่องปกติที่เราแชร์กันอยู่แล้ว มีการพูดคุยกันบ้างค่ะ ตอนแรกแอนก็แบบ ‘น้องทำใจเหอะ’ ในตอนที่เกิดเหตุการณ์กับเขา แต่พอมาเจอกับตัวเองถึงได้รู้ว่ามันก็เป็นอะไรที่ทำใจยากเหมือนกัน เข้าใจแล้ว เข้าใจจริงๆ”

“เรื่องทำงานที่ทีมต่างๆ มีส่วนร่วม ไม่มีแล้วค่ะ ไม่ให้ใครเข้าแล้วค่ะ เข้าไม่ได้แล้ว ซึ่งแอนต้องจัดการใหม่ทั้งหมด ต่อให้แอนไม่มีอะไรแล้วแอนก็ให้เข้าไม่ได้ คือแอนต้องฝึกตัวเองด้วยในการที่จะจำกัดพื้นที่ทุกๆ เรื่องในชีวิต เหตุการณ์นี้สอนให้แอนต้องปรับตัวและแอนขอใช้พื้นที่ตรงนี้นะคะ แอนขอบคุณทุกคนที่เข้ามาหาแอนทางโซเชียล และให้กำลังใจ ซึ่งแอนไม่สามารถเข้าไปตอบทุกคนได้ครบ แอนขอใช้พื้นที่ตรงนี้นะคะขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจ มันมีความหมายสำหรับแอนมากค่ะ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม annethong