เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นัดหมายให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 13/2562 กรณีการฆาตกรรมนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ได้มีหนังสือให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ในข้อหา ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ

โดยในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนจะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนี้ ที่กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 7 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และเมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จะได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมไปยังพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 13/2562 กรณีการฆาตกรรมนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้ การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป และมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น.