เวทีสภาเปิดให้ ส.ส. โชว์ลีลาหาเสียงทิ้งทวนตามฟอร์ม เป็นห้วงจังหวะของยุทธการเตะตัดขา เสียบสกัด กระตุกขารัฐบาลไม่ให้ใช้ความได้เปรียบในการกุมอำนาจรัฐหาเสียงอยู่ฝ่ายเดียว และไม่ใช่แค่ฝ่ายค้านที่ต้องเตะตัดขา แม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ยังส่อฟัดกันนัว ล่อกันอีนุงตุงนัง 

ตามปรากฏการณ์อย่างที่เห็น อาการยื้อยุดฉุดกระชาก ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เสนอโดยค่าย “เซราะกราว” จ่อเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ท่ามกลางสัญญาณ อาการปั่นป่วน ที่ลามต่อเนื่องจากโต้โผใหญ่ค่าย “ประชาธิปัตย์” อย่าง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาประกาศชัด ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เพราะหวั่นจะทำให้เกิดปัญหายาเสพติดแพร่กระจายในกลุ่มเยาวชนและประชาชนกลายเป็นดินแดนกัญชาเสรี

งานนี้แนวโน้ม พ.ร.บ.กัญชาฯ ฝ่าด่านสภาไม่ได้ง่ายๆ เพราะพรรคจัดตั้งอย่าง “พลังประชารัฐ” ผสมโรงร่วมด้วย ส่อเค้าโดนดองไปจนหมดอายุสภาฯ ปีหน้า 2566 แน่นอนว่า ถ้า พ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่ผ่านสภา น่าจะมีปัญหาต่ออนาคตการร่วมรัฐบาลแน่นอน พรรคร่วมพร้อมกอดคอฉีก “ร่างกฎหมายกัญชา” แม้จะบอกว่าไม่มีดีลลับ  

แต่ พ.ร.บ.กัญชาฯ เป็นผลงานชิ้นโบแดง “ค่ายเซาะกราว” หมายมั่นปั้นมือที่ใช้หาเสียงครั้งหน้า หวังโกยคะแนนจาก “สายควัน” 

ร้อนแรงไม่แพ้กันผลงานชิ้นโบแดงร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ส่งสัญญาณสั่งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล คว่ำร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพราะกลัวจะเกิดปัญหาต้มเหล้าเถื่อนเกลื่อนเมือง งานนี้มวลชน “พรรคส้มหวาน” ไม่ยอมง่ายๆ โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง “บิ๊กตู่” เตือนอย่าเดิมพันอนาคตการเมืองในสภา กับการคว่ำกฎหมายสุราก้าวหน้า เพราะจะเป็นการขีดเส้นความขัดแย้งที่ชัดเจนระหว่างประชาชนและนายทุนผูกขาดในประเทศ

ขณะที่คณะการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โดย “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ออกมาระบุถึงการลงมติร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับว่า “หลักการแต่ละพรรคยังยึดเหมือนเดิม เพราะกฎหมายที่เสนอไม่ใช่กฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาล แต่เป็นการเสนอโดยพรรคการเมือง ฉะนั้นจะต้องเป็นสิทธิของ .. แต่ละคนในการลงมติ .. มีเอกสิทธิ์จะลงมติ ไม่อยู่ในอาณัติของใคร”

โค้งสุดท้ายปลายเทอมรัฐบาล ทุกพรรคมุ่งสู่สนามเลือกตั้ง แต่ละค่ายแห่โปรโมตนโยบายหาเสียงของตัวเอง พร้อมกับสบช่องเตะตัดขานโยบายคู่แข่งชิงไหวชิงพริบ เพิ่มคะแนนให้ตัวเอง ตัดแต้มด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม อย่างไม่มีใครเกรงใจใคร และไม่มีอะไรให้ต้องเกรงใจกันแล้ว หักเหลี่ยมเฉือนคมกันอุตลุด ส่อแววทำเกมสภาเดือด ไม่ใช่แค่ฝ่ายรัฐบาลจ้องล้มกฎหมายฝ่ายค้าน แต่แม้แต่ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง พร้อมโค่นกฎหมายของฝ่ายเดียวกัน ส่อเค้าสัมพันธภาพรัฐบาลวงแตก.