สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ว่า สภาผู้แทนราษฎรของอินโดนีเซียมีมติเป็นเอกฉันท์ ในการประชุมเมื่อวันอังคาร เห็นชอบกฎหมายว่าด้วยการปกป้อง “หลักการปัญจศีล” ที่ถือเป็นปรัชญาแห่งรัฐ การพิทักษ์สถาบัน ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ถือเป็นเสาหลัก “ที่ไม่สามารถล่วงละเมิดได้” บุคคลใดฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกนานสูงสุดเป็นเวลา 3 ปี


ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังรับรองกฎหมาย ว่าการอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา โดยปราศจากการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิงซึ่งไม่ได้สมรสกันอย่างถูกต้อง ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยการอยู่ก่อนแต่งมีบทลงโทษจำคุกเป็นเวลานานสูงสุด 6 เดือน


ส่วน “การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส” มีบทลงโทษจำคุกเป็นเวลานานสูงสุด 1 ปี ด้านการสมรสระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน และการผิดประเวณีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้วในอินโดนีเซีย


กฎหมายทั้งหมดดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับทั้งพลเมืองอินโดนีเซีย และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับทั้งหมดจะยังไม่มีผูกพันโดยทันที เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซีย ชี้แจงว่า “ช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน” จากกฎหมายฉบับเก่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไปสู่กฎหมายที่ผ่านปรับแก้แล้ว จะใช้เวลานานสูงสุด 3 ปี หมายความว่า กฎหมายจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 6 ธ.ค. 2568


ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซียมีคำอธิบายอย่างละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมายังสำนักงานเลขาธิการประธานสภาแล้ว เกี่ยวกับ “การแยกแยะ” ระหว่าง “การวิจารณ์” กับ “การดูหมิ่นและใส่ร้ายป้ายสี” ประมุขของประเทศ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ

อนึ่ง กฎหมายไม่มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง อีกทั้งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี ต้องเป็นผู้แจ้งความเองเท่านั้น แต่ยังคงมีการเคลื่อนไหวต่อต้านอย่างหนักโดยบรรดานักสิทธิมนุษยชน.

เครดิตภาพ : REUTERS