เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 30 ธ.ค. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ว่า จากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ซึ่งนำโดย ผอ.กองทัณฑวิทยา เป็นประธาน ภายหลังครบ 7 วัน เกี่ยวกับกรณีที่นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ได้วางแผนหลบหนีขณะออกไปศาลอาญาระหว่างพิจารณาคดี โดยฉวยโอกาสในขณะที่ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ และไขกุญแจข้อเท้าพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น ตนยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุที่เรือนจำฯ ก่อนที่นายประสิทธิ์จะถูกนำตัวออกไปศาล นายประสิทธิ์นั่งอยู่ใกล้กับลังไม้ เก็บกุญแจเพียงลำพัง ไม่ได้มีผู้ช่วยผู้คุม หรือเจ้าหน้าที่พัศดีอยู่ใกล้ๆ จึงเป็นเหตุทำให้นายประสิทธิ์สามารถฉวยโอกาสดังกล่าว คว้าเอาลูกกุญแจออกจากพวงกุญแจ แล้วนำซ่อนไว้ภายในหน้ากากอนามัยที่สวมใส่ ก่อนไปใช้ไขข้อเท้าตัวเองภายในห้องน้ำที่ศาลอาญา

นายอายุตม์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในวันเกิดเหตุ โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการควบคุมตัวผู้ต้องขัง การปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องขังอยู่เพียงลำพังกับกล่องเก็บกุญแจเครื่องพันธการ การตรวจค้นร่างกายก่อนนำตัวออกจากเรือนจำไปศาล เพราะตามระเบียบแล้ว จะต้องตรวจค้นให้ครบถ้วน เพื่อไม่มีสิ่งของใดที่ผู้ต้องขังจะนำติดตัวไปด้วยได้ แม้กระทั่งการเปิดหน้ากากอนามัยเพื่อตรวจดูช่องปาก อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการลอบเอากุญแจไขข้อเท้าออกไป ยังเป็นการกระทำของนายประสิทธิ์เพียงผู้เดียว

เบื้องต้นยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ขั้นตอนหลังจากนี้ ทางคณะกรรมการจะมีการส่งเรื่องต่อไปยังฝ่ายวินัย เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบวินัยของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทั้งหมด ทั้ง เจ้าหน้าที่พัศดี ผู้คุม เจ้าหน้าที่ใส่กุญแจข้อเท้า เจ้าหน้าที่ที่มารับตัวผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่คุมขึ้นบัลลังก์ (คนที่เฝ้านายประสิทธิ์หน้าห้องน้ำ) เพื่อตรวจสอบว่า บุคคลใดบกพร่องตรงส่วนใดบ้าง หรือปล่อยปละละเลยละเว้นในขั้นตอนปฏิบัติงานใด เนื่องจากมาตรการการปฏิบัติหน้าที่ของทางราชทัณฑ์มีกำกับไว้อยู่แล้ว คือ คู่มือการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure) หรือ SOP และถ้าคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยพบความผิดเกี่ยวข้องเชื่อมโยงของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายใด ก็จะต้องพิจารณาลงโทษทางวินัยและทางอาญาตามขั้นตอนต่อไป ไม่มีละเว้นไว้ทั้งสิ้น 

ทั้งนี้ นายอายุตม์ เผยต่อว่า ปัจจุบันนี้นายประสิทธิ์ ได้ถูกแยกขังเดี่ยวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง และจะยังคงถูกขังเดี่ยวที่นั่นยาวต่อเนื่อง คงไม่ได้นำตัวกลับมาคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เพราะการกระทำของนายประสิทธิ์นั้น เป็นการพยายามหลบหนีในระหว่างการถูกคุมขัง และหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมผู้ต้องขังให้ครบถ้วน ห้ามบกพร่องปล่อยปละละเลยในขั้นตอนใด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบางส่วน ไปปฏิบัติหน้าที่ภายในส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ และย้ายออกจากเรือนจำที่ปฏิบัติงานไว้ก่อนแล้ว.