วัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มทำงานในยุคนี้เริ่มมองหาการลงทุนเพื่อสร้างฐานะกันมากขึ้น ซึ่งหลายคนก็น่าจะนึกถึงหุ้นเป็นอันดับแรก ๆ แต่ปัจจุบันเราก็มีอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการเข้าถึงที่ง่ายกว่าอย่างการลงทุนในคริปโตฯ นั่นเอง

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสินทรัพย์ทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วถ้าเป็นนักลงทุนมือใหม่ควรเริ่มต้นจากหุ้นหรือคริปโตฯก่อนดี บทความนี้จะมาช่วยสรุปให้ครับ

พื้นฐานของหุ้นและคริปโตฯ
สิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนเริ่มต้นลงทุนก็คือการทำความเข้าใจว่าสินทรัพย์ที่เรากำลังจะลงทุนนั้นคืออะไร โดยสำหรับหุ้นและคริปโตฯสามารถอธิบายได้ดังนี้

หุ้นคืออะไร
หุ้น (Stock, Equity) คือหลักทรัพย์ที่แสดงความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ยิ่งถือหุ้นของบริษัทมากเท่าไหร่ก็หมายความว่าผู้ถือหุ้นคนนั้นมีอำนาจในการบริหารบริษัทมากเท่านั้นนั่นเอง นอกจากนี้ก็อาจรวมถึงสัดส่วนของเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับหากบริษัทมีผลประกอบการดีอีกด้วย

คริปโตฯคืออะไร
คริปโตฯ หรือ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือสกุลเงินดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีมูลค่าและสามารถทำการซื้อ-ขายได้จริงตามกลไกตลาด โดยคริปโตฯทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งมีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ และปราศจากตัวกลาง

จุดแตกต่าง 4 ข้อของหุ้นและคริปโตฯที่นักลงทุนต้องรู้
เมื่อเข้าใจพื้นฐานแบบคร่าว ๆ ของสินทรัพย์ทั้งสองประเภทแล้ว อันดับถัดไปเรามาดูกันว่าทั้งสองประเภทมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง โดยสามารถอธิบายแบ่งออกเป็น 4 ข้อดังนี้

1.ความผันผวนของมูลค่า
หากพูดถึงเรื่องความผันผวนของราคา นักลงทุนที่เคยสัมผัสกับทั้งสองสินทรัพย์แล้วต่างเห็นพ้องกันว่าคริปโตฯมีความผันผวนของราคามากกว่าหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุอาจเป็นเพราะระบบของคริปโตฯเป็นระบบเปิดที่นักลงทุนสามารถแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายผ่านบล็อกเชนได้ตลอดเวลา ไม่มีเวลาเปิด-ปิดทำการหรือ Circuit Breaker (การหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว) เหมือนกับตลาดหุ้น หากนำมาเทียบกับหุ้น อย่างแรกคือการจะเกิดหุ้นขึ้นมาตัวหนึ่ง บริษัทจำเป็นต้องยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเมินบริษัทก่อน จึงจะสามารถออกหุ้นของบริษัทและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ นอกจากนี้ การซื้อขายหุ้นยังมีตัวกลางอย่างตลาดหลักทรัพย์ทำหน้าที่ดูแลการซื้อขายอีกด้วย นั่นจึงทำให้มูลค่าของหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่าคริปโตฯนั่นเอง

2.เงินปันผล
การซื้อหุ้นก็เหมือนกับการร่วมเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัท หากบริษัทประสบผลสำเร็จหรือมีผลประกอบการดี บริษัทก็จะแบ่งกำไรให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนหุ้นที่ถือหรือที่เรียกว่าเงินปันผล (Dividend) นักลงทุนบางคนเพียงซื้อหุ้นของบริษัทที่สนใจไว้ระดับหนึ่งก็สามารถสร้าง Passive Income ให้ตัวเองได้แล้ว แต่ในวงการคริปโตฯ การจะสร้าง Passive Income จากคริปโตฯสามารถทำได้โดยการนำเหรียญที่มีไปทำการ Stake บนเครือข่ายที่รองรับ หรือการทำ Farming บน DeFi ซึ่งนักลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจในการทำงานของบล็อกเชนและ Smart Contract อยู่ในระดับหนึ่ง เพื่อที่จะสามารถทำให้เหรียญงอกเงยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งถือว่ายังมีความยุ่งยากมากกว่าการถือหุ้นเฉย ๆ เพื่อรับเงินปันผล

3.เวลาซื้อขาย
เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่มักจะสามารถซื้อขายได้เฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นเปิดทำการเท่านั้น บางที่อาจไม่สามารถซื้อขายได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ และตลาดก็มักจะปิดทำการในวันหยุดประจำชาติ แม้หุ้นจะสามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมงผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ Futures แต่ช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวมาก ๆ ก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดเปิดทำการ ในขณะที่คริปโตเคอร์เรนซีทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชนที่ไม่มีตัวกลาง จึงไม่จำเป็นต้องรอให้คนใดคนหนึ่งเปิดให้บริการ การซื้อขายจึงเกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมงและไม่มีวันหยุด หมายความว่าราคาสามารถเคลื่อนไหวได้แทบจะตลอดเวลา นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ราคาของคริปโตฯมีความผันผวนมากกว่าหุ้นนั่นเอง

4.ต้นทุนขั้นต่ำ
การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมีต้นทุนขั้นต่ำที่ต่ำกว่าหุ้นอย่างมาก ยกตัวอย่าง Bitcoin นักลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อขั้นต่ำที่ 1 Bitcoin ที่มีราคาประมาณ 750,000 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 มกราคม 2023) แต่สามารถซื้อในหน่วยย่อยได้ถึง 0.00000001 Bitcoin (ประมาณ 0.007 บาท) ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกระดานเทรด ในขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ถูกกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำที่ 100 หุ้น (ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโบรกเกอร์) สมมุติว่า 1 หุ้นมีมูลค่าที่ 50 บาท เท่ากับว่าการซื้อหุ้นต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 5,000 บาทเลย นี่จึงเป็นอีกปัจจัยที่นักลงทุนมือใหม่ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนเริ่มลงทุนด้วยเช่นกันครับ

สรุปมือใหม่เลือกลงทุนแบบไหนดี?
นักลงทุนจะเลือกสินทรัพย์ไหนเป็นจุดเริ่มต้นการลงทุนก็ได้ทั้งนั้น เพราะทั้งสองสินทรัพย์มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ซึ่งรวมถึงประโยชน์ที่นักลงทุนมือใหม่จะได้ด้วย ยกตัวอย่าง การลงทุนในคริปโตฯใช้ทุนเริ่มต้นที่ต่ำกว่าหุ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่นักลงทุนจะได้เรียนรู้กลไกการทำงานของตลาดและค่อย ๆ เก็บสะสมจากน้อยไปมากโดยการใช้กลยุทธ์ DCA ในขณะที่หุ้น แม้จะใช้ทุนเริ่มต้นที่สูงกว่า แต่ก็มีมูลค่าที่ผันผวนน้อยกว่าและแหล่งข้อมูลที่มีให้ศึกษามากกว่า เป็นต้น

ทั้งนี้ หนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่ดีก็คือการกระจายความเสี่ยงออกไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ ดังนั้น เมื่อนักลงทุนเริ่มมีประสบการณ์แล้วก็ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งด้วย เผื่อในกรณีที่สินทรัพย์ประเภทหนึ่งมีมูลค่าลดลง ก็นักลงทุนก็อาจสามารถป้องกันการขาดทุนหนักได้ เพราะว่ามีอีกสินทรัพย์หนึ่งควรช่วยประคองไว้ และยังเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการถือสินทรัพย์หลายประเภทได้อีกด้วย

อ้างอิง: Bitkub Blog, Money Buffalo, Investopedia

===================

ติดตามบทความเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับการลงทุนใน Cryptocurrency ที่น่าสนใจได้จาก Bitkub Blog

ทำไมราคาเหรียญแต่ละกระดานถึงไม่เท่ากัน?

Bitcoin เป็นตัวอย่างของเงินที่ดี เพราะ 5 คุณสมบัติต่อไปนี้

มัดรวม 6 กลยุทธ์ลงทุนคริปโทฯ ที่นักเทรดนิยมใช้

===================

คำเตือน:
* คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
** สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
*** ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต