จากเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น ของวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยได้เกิดเพลิงไหม้เมรุวัดสหธรรมาราม ตั้งอยู่เลขที่ 111 หมู่ที่ 4 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ในช่วงขณะที่ได้มีการประชุมเพลิงศพของชาวบ้านรายหนึ่ง จู่ๆ ก็มีเปลวเพลิงโหมลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรุนแรง สร้างความงุนงงและตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ทั้งต่อญาติๆ ของผู้เสียชีวิตที่อยู่รอส่งดวงวิญญาณสู่สรวงสวรรค์ และคณะสงฆ์ในวัด ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.พันท้ายนรสิงห์ ก็ได้ลงพื้นที่ระงับเหตุ โดยใช้เวลาฉีดน้ำประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงให้สงบลงได้ แต่ก็พบว่าภายในเมรุหลังนั้นและโครงสร้างมีร่องรอยของการชำรุดเสียหายเป็นอย่างมาก จึงต้องมีการกันให้เป็นพื้นที่อันตรายไว้ก่อน

ล่าสุดวันที่ 24 ก.พ. นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ พร้อมด้วย รองนายก อบต.พันท้ายนรสิงห์, ผู้ใหญ่บ้าน, เจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดสมุทรสาคร, เจ้าหน้าที่ของ อบต พันท้ายนรสิงห์, เจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสหธรรมาราม (วัดสหกรณ์ใน) ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งก็พบว่าแม้โครงสร้างภายนอกที่ยังอยู่ปกติ ไม่มีการถล่มหรือทรุดตัวลงมา แต่ก็อยู่ในสภาพที่โน้มเอียงบ้างแล้ว ส่วนตรงที่พบความเสียหายมากที่สุดคือ ปล่องควันที่ถูกไฟเผาจนระบบเสีย เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีงัดแงะบานเปิดเพื่อนำกระดูกด้านในออกมา

จากการสอบถาม พระธวัชชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสหธรรมาราม เล่าว่า เมรุหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2520 เป็นการเผาด้วยฟืน ต่อมาเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ทาง อบต.พันท้ายนรสิงห์ ได้มาเปลี่ยนเป็นระบบน้ำมันและไฟฟ้า ขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นช่วงเย็นขณะที่มีการประชุมเพลิงศพ โดยเพลิงได้ลุกไหม้หลังจากที่เผาศพไปแล้วราว ๆ 2 ชั่วโมง จากที่แต่ละศพจะต้องใช้เวลาเผาราว ๆ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นไฟฟ้าในวัดเกิดดับลง แล้วจู่ ๆ ก็มีไฟลุกท่วมเมรุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้านสาเหตุคาดน่าจะมาจากระบบน้ำมันหรือไฟฟ้าขัดข้อง โดยจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ชัดเจน ส่วนศพอื่นๆ นั้น สามารถมาตั้งทำพิธีได้ตามปกติ แต่การเผาคงต้องนำไปเผาที่วัดอื่นเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการสร้างเมรุหลังใหม่แล้วเสร็จ ซึ่งทางวัดก็ได้มีการติดต่อวัดใกล้เคียงไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านญาติของผู้เสียชีวิตบอกว่า จะต้องดูก่อนว่าศพได้เผาสมบูรณ์หรือไม่ หากสมบูรณ์ก็จะนำกระดูกกลับบ้านตามปกติ แต่ถ้ายังเผาไม่สมบูรณ์ก็จะนำไปเผาวัดอื่นต่อ แต่จากการตรวจสอบของทางสัปเหร่อ พบว่า การเผาสมบูรณ์และได้ทำพิธีเก็บกระดูกมอบให้ทางญาติเป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนี้ ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่าว่า เพลิงได้ลุกไหม้จากด้านหลังเมรุ และได้ยินเสียงปะทุ เสียงลั่นอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แจ้งไปยัง อบต.พันท้ายฯ ซึ่งเพลิงนั้นลุกโหมอย่างเร็วมาก จนทำให้ชาวบ้านที่มางานศพอื่น ๆ พากันออกไปอยู่ห่าง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเมรุจะระเบิดหรือถล่มลงมา อีกทั้งไฟฟ้าก็ดับด้วย

ส่วน นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ บอกว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนเองได้มาเป็นประธานในการประชุมเพลิง ซึ่งก่อนจะขึ้นวางดอกไม้จันทน์ ได้มีการพูดกับทางวัด ว่า เมรุมีลักษะไม่ปกติเพราะโน้มเอนมาด้านหน้า น่าจะต้องบูรณะปรับปรุง ส่วนแผนการช่วยเหลือนั้น ต้องมีการสร้างใหม่ โดยต้องปรึกษากับทางวัดว่าจะเอาไว้จุดไหน และจะเร่งให้ทาง อบต. พิจารณาเรื่องงบประมาณที่สามารถนำมาช่วยเหลือเยียวยาได้เพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไข แต่จะต้องทำให้เร็วที่สุดเพราะว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากเมรุเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญที่วัดจะขาดไม่ได้ เพราะทุกคนต้องใช้ ดังนั้น จึงต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด.