เมื่อวันที่ 27 ส.ค. สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย แจ้งว่า ตามที่ได้มีประกาศจากรัฐบาลฝรั่งเศส ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ได้มีการทบทวนการจัดกลุ่มประเทศตามตัวชี้วัดทางสาธารณสุข โดยที่ประเทศไทยยังคงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศสีส้ม (Amber list countries) กล่าวคือประเทศที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัสแต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และไม่มีการระบาดของสายพันธุ์ที่น่ากังวล

ผู้เดินทางจากประเทศสีส้มที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การยาสหภาพยุโรป (European Medicines Agency : EMA) ครบจำนวนครั้งที่กำหนด และมีหลักฐานยืนยัน ได้รับยกเว้นจากการบังคับใช้ข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส กล่าวคือ ไม่ต้องแสดงเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส (เว้นแต่ประเทศต้นทางจะกำหนดมาตรการเพิ่มเติมที่เข้มงวดมากกว่า) ไม่ต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทาง และเมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว ไม่ต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้ง และไม่ต้องแยกตัวเป็นเวลา 7 วัน

ผู้เดินทางจากประเทศสีส้มที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA ยังคงต้องแสดงเหตุจำเป็นในการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศสตามรายการเหตุจำเป็นสำหรับกลุ่มประเทศสีส้ม รวมทั้งต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR เป็นลบ ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง (เที่ยวบินแรกจากประเทศต้นทางในกรณีที่ต้องแวะต่อเครื่องบิน) หรือผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี antigen test เป็นลบ ที่มีอายุไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ได้รับยกเว้นไม่ต้องแสดงผลการตรวจ สำหรับผู้เดินทางที่มีอายุมากกว่า 11 ปี เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศสแล้ว อาจถูกสุ่มตรวจหาเชื้อโดยวิธี antigen test หรือตรวจทางชีวภาพ ต้องแยกตัวเป็นเวลา 7 วัน ในกรณีจำเป็นอาจต้องแยกตัวในสถานที่ที่ทางการฝรั่งเศสกำหนด และเมื่อครบกำหนดแยกตัว 7 วันแล้ว จะต้องตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR อีกครั้ง

วัคซีนที่ประเทศฝรั่งเศสรับรองและเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม

เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ระบุว่า วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก องค์การยาสหภาพยุโรป (European Medicines Agency :EMA) นั้นได้แก่

วัคซีน Comirnaty (ของบริษัท Pfizer & BioNTech)

วัคซีน Spikevax (ของบริษัท Moderna) 

วัคซีน COVID-19 Vaccine Janssen ( ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน)

วัคซีน Vaxzevria (ของบริษัท AstraZeneca) รวมทั้งวัคซีนเทียบเท่า อาทิ วัคซีน Covid-19 vaccine AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทย

ผู้เดินทาง จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนต่อเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นเครื่องบิน และต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หลักฐานการฉีดวัคซีนที่ใช้ได้ ต้องรับรองว่าได้รับวัคซีนครบจำนวนครั้งที่กำหนดดังนี้

หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน สำหรับวัคซีนที่ต้องฉีด 2 ครั้ง ได้แก่ Pfizer, Moderna และ AstraZeneca

หลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 28 วัน สำหรับวัคซีนที่ฉีดเพียงครั้งเดียว ได้แก่ Johnson & Johnson

หลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน สำหรับผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน โดยฉีดวัคซีนเพียงครั้งเดียว