จากกรณีเกิดไฟป่าโหมลุกไหม้บนดอยจระเข้ บริเวณเขตรอยต่อระหว่างบ้านห้วยยาโนกับบ้านห้วยก้างปลา ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย วานนี้ (22 มี.ค.) เจ้าหน้าที่และชาวบ้านประมาณ 30-40 คน ได้พยายามช่วยกันขึ้นไปสกัดไฟ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืนจึงมีความยากลำบากในการดับไฟและเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจึงจำเป็นที่จะต้องถอยลงมาเพื่อตั้งหลักและวางแผนให้รัดกุมก่อนดำเนินการ

ความคืบหน้าวันที่ 23 มี.ค. นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่จัน ได้ร่วมมือกับหน่วยงานในการระดมกำลังคนทั้งจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15, สถานีควบคุมไฟป่าลำน้ำกก, อุทยานแห่ชาติลำน้ำกก, ชุดสายฟ้าของส่วนควบคุมไฟป่า, หน่วยป้องกันและรักษาป่าไม้ 6 (แม่จัน), ทหารพราน ฉก.ทพ.31, ฝ่ายปกครองอำเภอแม่จัน และชาวบ้านจิตอาสากว่า 100 คน เดินเท้าขึ้นไปบนดอยเพื่อทำแนวกันไฟและร่วมกันดับไฟป่าอีกครั้ง เพื่อที่ว่าจะได้ลดความเสียหายให้มากที่สุด

ซึ่งสถานการณ์หมอกควันใน อ.เมืองเชียงราย ขณะนี้ยังถือว่าไม่เกินค่ามาตรฐาน วัดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้เพียง 57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากได้เกิดไฟป่าบนดอยจระเข้ในพื้นที่ อ.แม่จัน เกิดประทุลุกไหม้มาตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. และเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าไปสกัดเพื่อดับไฟ ด้วยพื้นที่เป็นป่าเขาสูงชันส่งผลให้ควบคุมสถานการณ์ได้ค่อนข้างยากลำบาก

ในส่วนของพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีการเกิดไฟป่าบริเวณตะเข็บชายแดนตรงข้ามบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ เมื่อคืนวันที่ 22 มี.ค.เช่นกัน ส่งผลให้เกิดหมอกควันและฝุ่นละออง และคุณภาพอากาศกลับมาอยู่ในระดับสีแดงอีกครั้ง วัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ 145 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ ชายแดนไทย-ลาว พื้นที่เขตอำเภอเชียงของ แม้ว่าค่าฝุ่นยังไม่แตะเส้นอันตราย แต่ก็อยู่ใกล้ระดับสีแดงเสี่ยงที่จะเกินมาตรฐานเช่นกัน ซึ่งจากการวัดค่าฝุ่นในเช้าวันนี้ วัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ก็เกินค่ามาตรฐานแล้วเช่นกัน