จากกรณีพระ 2 รูปเปิดศึกต่อยกันดุเดือดบริเวณข้างอุโบสถที่เก็บอัฐิ ที่วัดโพธิ์ศรี อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ หลังจากญาติโยมนิมนต์ให้มาประกอบพิธีบังสกุล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสวิพาก์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันอย่างกว้างขวาง นั้น

วัดแทบแตกแยกไม่ทัน!2พระวางมวยกลางวัด ปมแย่งเก้าอี้งานบังสุกุล

คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว กับพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว

โดย พระพยอม กล่าวว่า ตามหลักแล้วพระที่พรรษาอ่อนกว่าไม่น่าจะขึ้นไปแซงพรรษาแก่ โดยตามหลักวินัยแล้วจะนั่งกันตามลำดับอายุพรรษา หากไปแซงก็ผิดหลักไป 1 ข้อ แต่ข้อที่เลวร้ายที่สุด คือ พระทะเลาะกันอย่างกับฆราวาส แต่การเป็นพระแล้วขาดสติ ขาดสมณสัญญาไม่รู้ว่าตนเป็นพระ สวมวิญญาณนักมวย น่าจะสึกไปเป็นนักมวย อย่ามาอยู่ในร่มเงาของพระศาสนาเลย ไม่เคยท่องคาถาเลยหรือว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไม่โกรธดีกว่าจะได้ไม่บ้าไม่โง่ ทำแบบนั้นทั้งบ้าทั้งโง่ มันเข้าครอบงำหมดความเป็นสมณะ สาวกของพระพุทธเจ้าเขาไม่ประทุษร้ายกัน ไม่เคยจำคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย ไม่กล่าวร้าย ไม่พูดร้าย ทำให้มันมีเรื่องทะเลาะกันทำไม

“ถึงพระที่พรรษาอ่อนจะเข้าไปนั่งแล้ว เราพรรษาแก่ก็ไม่ควรจะไปเอาเรื่องราวกันขนาดนั้น เจ้าอาวาสก็ควรจะตักเตือน ใครนั่งตรงไหนระดับไหนควรจัดให้เป็นระบบระเบียบ ไม่งั้นจะบริหารปกครองไม่ถูก ทำให้ยุ่งยากลำบากแบบนี้ จะได้เป็นวัดที่สงบเรียบร้อย ถ้าพระรูปไหนอยู่แล้วเป็นนักเลงก็สึกออกไป ส่วนพระที่จะบวชภายหลังควรรู้จักลำดับพระที่สูงอายุกว่า แก่พรรษากว่าเรา ให้เขานั่งข้างหน้าไป หากเราแก่พรรษาก็ไปเรียงตามลำดับ การแซงหน้าพระที่แก่พรรษากว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควร” พระพยอม กล่าว