เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 พ.ค. ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 6 ห้างสยามพารากอน กรุงเทพฯ นางประพิณ รุจิรวงศ์ และนายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ พร้อมด้วย น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายเทคโนโลยีและดิจิทัลมีเดีย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และฝ่ายบริหารกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ หนังสือพิมพ์มติชน หนังสือพิมพ์ข่าวสด หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ข่าวสดออนไลน์ มติชนออนไลน์ และมติชนทีวี ร่วมกันจัดเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR”ตามโครงการ “มติชน : เลือกตั้ง 66 บทใหม่ประเทศไทย” ที่จัดมาแล้ว 4 เวทีด้วยกัน ซึ่งในการจัดงานวันนี้ เป็นเวทีที่ 5

สำหรับการจัดกิจกรรมขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีครั้งสำคัญในความร่วมมือของกลุ่มสื่อระหว่างหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเครือมติชน โดยบรรยากาศภายในงาน มีบรรดานักการเมืองระดับแกนนำพรรค ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ผู้สมัครแบบแข่งเขต รวมถึงกองเชียร์ของแต่ละพรรค ทยอยเดินทางมาสร้างสีสันภายในงานอย่างคึกคักด้วยกัน อาทิ น.ส.สิริลภัส กองตระการ พรรคก้าวไกล, น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายเมธี อรุณ พรรคประชาธิปัตย์, น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย, นายอิทธิเดช สุพงษ์ พรรคภูมิใจไทย, นายปณิธาน ประจวบเหมาะ พรรคไทยสร้างไทย, ดร.อาชวิทธิ์ เจิงกลิ่นจันทน์ พรรคชาติไทยพัฒนา, น.ส.วิเวียน จุลมนต์ พรรคชาติพัฒนากล้า และ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา พรรคพลังประชารัฐ

จากนั้น เวลา 12.30 น. เข้าสู่รอบที่ 1 เวที “Young blood วัดอนาคต” โดยเปิดโอกาสให้ตัวแทนคนหนุ่มสาวหน้าใหม่ ที่ลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรกแต่มีความรู้ความสามารถ ประชันนโยบายของพรรคในมุมมองที่สดใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความหวัง และการทำงาน การเมืองเชิงสร้างสรรค์ ทิศทางใหม่ๆ เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต

น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า คำถามที่ได้ยินทุกครั้งเวลาที่ลงพื้นที่หาเสียง ช่วงนี้เป็นช่วงของการหาเสียง ประชาชนเจอหน้าเราทุกวัน แต่เมื่อเราได้เป็น ส.ส.แล้ว จะยังเจอหน้าอยู่ไหม ขอตอบเลยว่า วันนี้ เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี ขอมาเป็นคำตอบที่แตกต่างมาเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า นักการเมืองในฝันมีอยู่จริง ตนใช้เฟซบุ๊กไลฟ์เพื่อให้ทุกคนเห็นการทำงานที่โปร่งใส เพราะตนเชื่อว่า คนไทยถวิลหานักการเมืองที่กล้าเปิดเผย ไม่หมกเม็ด ในการลงพื้นที่ ตนมีประสบการณ์ในการทำงานองค์กรเอกชนระดับโลกกว่า 20 ปี เราเอาประสบการณ์เหล่านี้มาเพื่อดูแลคนไทยทุกคน เพราะเรา พรรครวมไทยสร้างชาติ วิ่งชนทุกปัญหา พร้อมที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม

ในคำถามที่ว่า ทำไมต้องเป็นรวมไทยสร้างชาติ ทำไมต้องเป็นลุงตู่ ตนขอเดาคำถามที่อยู่ในใจทุกคนว่า โคตรเบื่อ โคตรเหนื่อย 8 ปี ประเทศไทยไม่เห็นจะเจริญขึ้น คนไทยมีแต่ลำบาก ตนเข้าใจทุกคน และเข้าใจด้วยว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนมีความเห็นเหมือนกัน เพราะความจริงมีหลายมุม แต่อยากให้ทุกคนเปิดใจรับฟังข้อมูลกัน ลุงตู่พูดไม่ค่อยเก่ง ขอยอมรับ แต่ว่าเป็นคนทำจริง ทำด้วยใจที่รักชาติจริงๆ ต้องบอกว่า 8 ปีที่พูดถึง มันมีห้วงเวลาที่หายไป นั่นคือช่วงเวลาของวิกฤติโควิด ที่หลายๆ ประเทศล้ม แต่ประเทศไทยไม่ล้ม นอกเหนือจากไม่ล้มแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ใช้ช่วงเวลานั้นในการพลิกโครงสร้างพื้นฐาน ใช้เวลาในการพัฒนาให้คนไทยมี cashless society พล.อ.ประยุทธ์ คือคนที่ทำจริง ทำแล้ว ทำอยู่ และจะทำต่อแน่นอน

พรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายที่โดดเด่น คือการสร้างรายได้ให้ประเทศปีละ 4 ล้านล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจเติบโต 5 เปอร์เซ็นต์ สร้างงานให้คนไทย 6 แสนกว่าตำแหน่ง ทำให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 20,000 บาทต่อปี ถามว่าจะทำได้อย่างไร ต้องตอบว่า ณ ตอนนี้เราทำแล้ว ไม่ว่าจะระเบียงเศรษฐกิจ EEC ถ้าจะทำต่อก็ไม่ใช่เรื่องยาก ภาคตะวันออกทำแล้ว อีก 4 ภาค คือ เรื่องที่จะทำต่ออย่างแน่นอน ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราได้ทำไปแล้วอย่างการฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย การฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุฯ ทำให้เรามีรายได้เข้าประเทศมาแล้ว 3.2 แสนล้านบาท ลองนึกว่าหากเราสานต่อจากความสัมพันธ์อันดีกับประเทศซาอุฯ แล้วทำให้ประเทศไทยเป็นครัวอาหารฮาลาลของโลก โดยมีประเทศซาอุฯ รองรับมาตรฐาน จำนวนงานและเม็ดเงินที่จะเข้าประเทศมีไม่น้อย

ในเรื่องของจุลภาค ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเด็ก เราจะเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท และขยายเวลาไปถึงเด็กอายุ 10 ขวบ ผู้สูงอายุเราจะขยายไปเป็น 1,000 บาท ทุกคนได้เท่าเทียม ไม่มีเป็นขั้นบันได เงินสวัสดิการรัฐจะเพิ่มเป็น 1,000 บาทเช่นกัน และมีเงินฉุกเฉิน 10,000 ด้วย เพื่อให้ประชาชน กลุ่มเปราะบางไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ ในคำถามว่า หากตนเป็น ส.ส.จะทำอะไร ตนมี 5 เรื่องที่อยากจะทำ เรื่องแรกเป็นเรื่องของการเยียวยา ประชาชนที่ถูกขับไล่ที่อยู่อาศัย ต้องได้รับการดูแลและได้รับความเป็นธรรม ในเรื่องของการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ตนจะใช้ AI เพื่อเป็นช่องทางให้กลุ่มเยาวชนและสตรีที่ถูกทำร้าย สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือ ในด้านการพยาบาลและด้านความเป็นธรรม ตนจะร่างกฎหมายล่อลวงที่มีแล้วในหลายประเทศ แต่ประเทศไทยยังไม่มี ตนจะส่งเสริมกีฬามวยไทยให้ไปอยู่ในการศึกษา และจะผลักดันบางพลัดและบางกอกน้อยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม