เมื่อเวลา 10.00 น. วันมี่ 10 พ.ค. ที่รร. Wintree City Resort อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรค พร้อมด้วยผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ อาทิ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 พบปะผู้ประกอบการในเชียงใหม่ โดยมีภาคธุรกิจเข้าร่วม อาทิ สภาหอการค้าเชียงใหม่

นายเศรษฐา กล่าวว่าวันนี้พรรคพท. มาเต็มทีม เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่ามีความพร้อมในทุกด้าน 8 ปีที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาต่างๆ มากมาย ประเทศจึงต้องการเปลี่ยนแปลง ในอดีตตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย (ทรท.) พรรคพลังประชาชน ซึ่งประชาชนเชื่อว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพรรค พท. พร้อมรับใช้ประชาชนทุกกลุ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ ที่เราบอบช้ำมาเยอะ การเติบโตสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ จำเป็นต้องใช้มืออาชีพมาเปลี่ยน เราไม่มีเวลามาลองของใหม่อีกแล้ว ต้องการทีมงานที่มีคุณภาพ ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนประเทศต้องใช้กระทรวงต่างๆ ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ถ้าพรรค พท. ชนะไม่ขาด การเข้าไปบริหารจัดการจะลำบาก และเรามั่นใจว่าพรรค พท. พร้อมที่สุด

จากนั้น นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่เชียงใหม่ช่วงโค้งสุดท้าย มีความคาดหวังอย่างไร เนื่องจากในอ.เมืองเชียงใหม่ มีการแข่งขันที่ดุเดือดว่า เราแข่งขันดุเดือดทุกพื้นที่ แต่เรามั่นใจว่าที่เป็นบ้านของเราตรงนี้ เราจะยกทั้งจังหวัด ส่วนพื้นที่เมืองพรรคก้าวไกลพยายามจะตีนั้น มองว่าไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคก้าวไกล มีหลายพรรค วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา ยืนยันว่าไม่กังวลในกระแสพรรคก้าวไกลที่มาแรง มั่นใจว่าพรรค พท. จะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯทวีตขอความจะกลับประเทศไทยในเดือนก.ค. โดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า “ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุท่านก็มาก ท่านเองอยากที่จะกลับมา แต่ท่านก็พูดชัดเจนคือการกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรค พท. เหนือสิ่งอื่นใดการที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือนก.ค เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรค พท. ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวกหรือแรงลบประชาชนต้องตัดสินเอง ตนพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯและคนเป็นพ่อว่าเห็นใจท่าน”

เมื่อถามว่าจากเนื้อหาการทวีตประเมินหรือไม่จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อการเลือกตั้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการประเมิน เมื่อถามย้ำว่ามีคนออกมาตั้งขอสังเกตว่าเป็นการเรียกคะแนนให้พรรค พท. นายเศรษฐาบอกว่าไม่มีคอมเมนต์ตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงคนที่ออกมาพูดจะยึดกระทรวงคมนาคมไม่ยกให้ใคร เป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะยังไม่มีการเลือกตั้งยังไม่รู้ว่าใครจะได้ ส.ส.เท่าไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้ตนต้องขอความเป็นธรรม เพราะหลายพรรคก็พูดว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะเอากระทรวงใด กระทรวงคมนาคมก็เป็นกระทรวงหลัก และที่ตนไปพูดก็พูดกับสหกรณ์รถแท็กซี่ที่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคมโดยตรง ถือเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่พรรค พท. มีความชำนาญในการบริหารอยู่แล้ว ตนไม่ได้ประกาศว่าจะยึด แต่มีคำถามมาว่าหากได้เป็นรัฐบาลก็อย่าไปยกกระทรวงนี้ให้คนอื่น ตนก็ตอบว่าใช่ ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติประชาชน แต่ต้องไปดูทั้งหมดว่ามีบทสนทนาออกมาเช่นนั้น มีความเป็นมาอย่างไรก็ต้องขอความเป็นธรรม ตนไม่ได้ตั้งใจล่วงอำนาจประชาชน แน่นอนว่าต้องเลือกตั้งมาก่อน และต้องมีการประกาศผลจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า นายอนุทิน ระบุด้วยว่า คนที่ออกมาพูดไม่ได้มีอำนาจจริง นายเศรษฐามีอำนาจมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมีความเข้าใจในการเมืองดี ว่าจริงๆ แล้วพื้นฐานของการเล่นการเมือง เราเข้ามาทำเพื่อพี่น้องประชาชน คนที่มีอำนาจจริงๆ คือประชาชน ตนไม่ปฏิเสธว่าตนไม่มีอำนาจจริง เพราะคนที่มีอำนาจจริงคือประชาชน

ต่อจากนั้นเวลา 14.00 น. นายเศรษฐา และคณะ เดินทางต่อไปยังสหกรณ์นครลานนาเดินรถ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อพูดคุยถึงปัญหาการคมนาคมขนส่งในเชียงใหม่