เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 146 หมู่ที่ 6 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของนายวันชัย ชัยเกิด อายุ 53 ปี ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงจระเข้ จ.ตรัง ได้ใช้พื้นที่ว่างหลังบ้าน เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มาทำฟาร์มเลี้ยงจระเข้น้ำจืด นาน 5-6 ปีแล้ว โดยมีจระเข้ทั้งหมด 120 ตัว และถือเป็นฟาร์มเลี้ยงจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดใน จ.ตรัง ซึ่งแต่เดิมได้เลี้ยงจระเข้เพื่อส่งขายให้กับบริษัทฯ ในภาคกลาง แต่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ส่งออกไม่ได้ เกษตรกรจึงหันมาขายให้กับลูกค้าที่มาขอซื้อแบบเป็นตัว เพื่อนำไปทำจระเข้หัน หรือชำแหละไปประกอบอาหารตามงานเลี้ยงและงานมงคลต่างๆ ในราคาตั้งแต่ตัวละ 4,500-8,000 บาท แล้วแต่น้ำหนัก

แต่เมื่อถึงเวลาชำแหละจระเข้เพื่อส่งงานเลี้ยง ปรากฏว่า มีชาวบ้านที่เคยดื่มเลือดจระเข้เป็นยา และกำลังเสาะหาเลือดจระเข้อยู่ ได้แห่กันมาขอเลือดจระเข้กันหลายราย ซึ่งจระเข้ 1 ตัว จะมีเลือดประมาณ 100 ซีซี หรือประมาณ 1-2 แก้ว และหากต้องการนำเลือดไปดื่มเป็นยา จะต้องเป็นจระเข้ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีครึ่ง ถึง 4 ปี เนื่องจากเป็นวัยที่สุขภาพแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด แต่จระเข้มีเลือดน้อย ทำให้ลูกค้าต้องมีการจับจองกันไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะเชื่อว่าเลือดจระเข้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยระบบการไหลเวียนของโลหิต ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มเกล็ดและเม็ดเลือดขาว รักษาแผลโรคเบาหวานให้แห้งสนิทเร็วขึ้น รักษาโรคโลหิตจาง ลดน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการเหนื่อยหอบ บำรุงเซลล์ไข่และสเปิร์มให้แข็งแรง เหมาะสำหรับคนที่มีบุตรยากและอื่นๆ

ทั้งนี้ เลือดจระเข้ที่ได้ หากเป็นเพื่อนฝูงกันก็จะนำมาดองเหล้า แล้วแบ่งกันดื่ม โดยมีหลายรายซื้อจระเข้ไปชำแหละช่วยงานเลี้ยง แต่ขอเลือดเพื่อมาทำเป็นยา ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้พอลืมตาอ้าปากได้ ส่วนราคาขาย เมื่อผสมเหล้าขาวแล้ว มีตั้งแต่ 200-300 บาทต่อแก้ว โดยหนังจระเข้นำไปฟอกทำเครื่องหนัง กระดูกและฟันของจระเข้ก็นำมาทำยา หัวเข็มขัด กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ

ด้านนายโรจกร นานอน อายุ 52 ปี นักธุรกิจใน ต.นาท่ามใต้ อ.เมืองตรัง กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามีสรรพคุณเรื่องของการบำรุงเลือด บำรุงร่างกาย กระษัยเส้น โดยตนเองได้ทดลองดื่มมาประมาณ 1-2 เดือน นำมาผสมเหล้า เมื่อก่อนมีอาการอ่อนเพลีย แต่พอได้ลองรู้สึกร่างกายดีขึ้น ส่วนมากจะเกี่ยวกับบำรุงร่างกาย ซึ่งตนดื่มวันละ 2 เวลา คือเช้ากับเย็น โดยเชื่อจากคำโบราณที่บอกต่อกันมา หาซื้อยาก และน่าจะมีอยู่ที่เดียวใน จ.ตรัง เพราะฟาร์มนี้จะมีจระเข้เยอะในภาคใต้ และเจ้าของฟาร์มก็ยังเป็นประธานกลุ่มผู้เลี้ยงจระเข้ด้วย ส่วนตนก็จะนำเอาน้ำมันจระเข้ไปผลิตเครื่องสำอางเป็นโลชั่น เอามาสกัด เชื่อว่าบำรุงผิวรักษาพวกสะเก็ดเงิน พวกผิวแห้ง

ส่วนนายวันชัย ชัยเกิด ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงจระเข้ จ.ตรัง กล่าวว่า สำหรับราคาขายนั้น จะวัดที่รอบตัว รอบอก และวัดความยาวของจระเข้ แล้วก็ดูหนังที่ท้องจระเข้ ถ้าติดเกรด ราคาก็จะอยู่ที่หมื่นกว่าบาท ถ้าไม่ติดเกรด ราคาก็จะอยู่ที่ 5,000-6,000 บาท มีเกรด A, B, C มีสามเกรด ส่วนชาวบ้านที่ซื้อไป ก็จะนำไปทำเป็นอาหารเมนูต่างๆ ทราบว่ารสชาติอร่อยกว่าไก่ หรือเนื้อวัว ซึ่งตนเลี้ยงเองก็ไม่เคยกิน แต่พอได้ลองกิน ก็รู้สึกติดใจในรสชาติ.