เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หลังกลายเป็นดราม่าขึ้นมา เมื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีวิบากกรรม เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเรื่องไต่สวน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ต่อมา วรกร จาติกวณิช ภรรยานายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กรถสีแดงที่มีสามี ถ่ายคู่ ทะเบียน 151 ระบุว่า “รูปนี้ ณช ผู้ช่วยคุณกรณ์ ถ่ายหน้าร้านอาหารแถวบ้านที่ไปนั่งกิน brunch กันเมื่อ 2-3 วันก่อน พอดีนางชอบเสื้อและกระเป๋าชอปปิงที่ถืออยู่ เลย snap ไว้โพสต์ขำๆ รถสีแดงนั่นก็ไม่ใช่ของเรา แต่เบอร์รถมันดันบังเอิญมาออกหวยก่อนกำหนดเมื่อวานนี้ ????

ถ้าถามว่า เห็นเลข 151 แล้วนึกถึงอะไร คำตอบคือ cocktail ที่เพื่อนชอบสั่งเวลาไปเที่ยว The Palace สมัยนั้นว่ากันว่า แรงที่สุด มีเหล้าเทซ้อนกันหลายชั้น ตามความเข้มข้น มันก็จะอยู่เป็นชั้นๆ ไม่ปนกัน พอเทชั้นบนสุดเรียบร้อยแล้วก็จุดไฟ คนสั่งต้องยืนดื่มที่บาร์

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีชาวโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าเอาที่สบายใจ หรือพยายามจะแซะเค้า แต่ไม่นึกถึงคะแนนที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้วของตัวเอง ทำอะไรที่ช่วยเพิ่มความนิยมให้สามีไม่ได้ ก็ควรอยู่เงียบๆ อย่าเพิ่มภาระ ลดความน่าเชื่อถือลงไปอีก

ล่าสุด นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า เห็นมีคนเอาภาพนี้ไปดราม่ากัน ขอชี้แจงสั้นๆ ตรงนี้ครับ

-ภาพนี้ผู้ช่วยผมถ่ายตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว

-เป็นวันสบายๆ ทานอาหารเช้ากัน เขาเห็นผมถือตะกร้าให้ภรรยา และบอกว่ามันเข้ากับสีเสื้อที่ใส่ก็เลยถ่ายไว้ แล้วเอาไปโพสต์ส่วนตัวของเขา

-รถคันนี้จอดอยู่ลานจอดรถ หน้าร้านคาเฟ่ จอดอยู่หลายคัน รถใครก็ไม่ทราบ (ต้องขออภัยต่อเจ้าของรถด้วยนะครับที่กลายเป็นดราม่า) วันที่โพสต์ ยังไม่มีข่าวเรื่องมาตรา 151 หรืออะไรเลย ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่เป็นเรื่องอย่างสิ้นเชิง

ขอบอกว่าผู้ช่วยผมไม่ได้มีเจตนาอันใด และเดิมทีผมเองไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามีการโพสต์รูปนี้

ส่วนตัวนั้นผมไม่ชอบการแซะอะไรไร้สาระแบบนี้

ส่วนในกรณีปัญหาทางกฎหมายของคุณพิธานั้น ผมรู้สึกเสียดายที่มีอุปสรรคมากมาย กีดกันความต้องการของประชาชนจำนวนหนึ่งที่จะได้นายกฯ ที่เขาเลือกมา ผมเองแสดงความเห็นไว้ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งว่าผมอยากให้การรวมตัวตั้งรัฐบาลโดยพรรคที่ 1 กับพรรคที่ 2 ประสบความสำเร็จ และความเห็นผมที่อยากให้ระบอบประชาธิปไตยของเราเดินหน้าไปอย่างราบรื่นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้หลังจากที่แฟนคลับพรรคส้มได้กดดันให้คุณพิธากลับคำในการเชิญพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกับด่าทอ กล่าวหาผมต่างๆนานา ซึ่งผมก็ไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลหรือคุณพิธาแม้แต่ครั้งเดียว

ในทางตรงกันข้าม ช่วงที่ผ่านมามีคนที่ผมรู้จักมากมายที่เลือกพรรคก้าวไกล และมาบ่นกับผมว่าผิดหวังในหลายๆ การแสดงออกของคนของพรรค ไปจนถึงเรื่องนโยบายที่หาเสียงไว้และส่งสัญญาณว่ายังอาจจะทำไม่ได้ ผมก็บอกให้ทุกคนใจเย็น ให้โอกาสเขาก่อน ดังนั้นผมอยากเห็นทุกท่านตั้งสติกันหน่อยครับ โอกาสมันมากับความรับผิดชอบ และเป็นดาบสองคมเสมอ

ส่วนประเด็นเรื่องกฎหมายก็เป็นเรื่องที่นักการเมืองทุกคนต้องตระหนักและให้ความสำคัญ

ผมเองก็เคยโดนพรรคอนาคตใหม่ยื่นร้องเรียนเพื่อถอดถอนผมจากการเป็น ส.ส. ด้วยกฎหมายเดียวกัน คือได้กล่าวหาว่าผมถือหุ้นสื่อ ทั้งๆ ที่หุ้นที่ผมถือนั้นคือบริษัท ‘เกษตรเข้มแข็ง’ ที่ผมและทีมตั้งขึ้นมานำร่องทำนโยบายเกษตรพรีเมียมช่วยชาวนาไทย

ประเด็นถือหุ้นสื่อ ผม (และเพื่อน ส.ส.อีกหลายสิบคนที่ถูกกล่าวหาโดยอนาคตใหม่) ก็ต่อสู้ทางกฎหมายและชี้แจงตามข้อเท็จจริงไป ซึ่งส่วนตัวนั้นผมมองว่ากฎหมายนี้หยุมหยิมเกินไป และส่วนตัวไม่เคยยื่นฟ้องร้องใครด้วยกฎหมายนี้ แต่ก็เคารพสิทธิของอนาคตใหม่ในวันนั้นที่จะใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

พูดไปคนเชื่อก็คงเชื่อ คนที่มีอคติก็คงเลือกที่จะไม่เชื่อ แต่ผมขอพูดแค่ว่า คนที่รู้จักผมดีจะรู้ว่า ถ้าผมจะว่าอะไรใคร ผมไม่มาแอบแซะโง่ๆ แบบนี้ครับ ผมซัดตรงๆ แน่นอน

ขอบคุณเพจ กรณ์ จาติกวณิช