เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีของ “หยก” เยาวชนสาวอายุ 15 ปี ที่มีพฤติกรรมต่อต้านระบบระเบียบวินัยของโรงเรียน รวมถึงจารีตทางสังคมไทย จนทำให้ถูกดำเนินคดีและมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรงนั้น เกิดจากสาเหตุจากการเสพข่าวและรับสารทางการเมืองของลัทธิคลั่งเสรีภาพแบบก้าวร้าวสุดโต่งของพรรคการเมืองหนึ่ง ที่มองทุกอย่างในสังคมไทยในแง่ร้าย ป้อนข้อมูลและทัศนคติทางการเมืองแบบต่อต้านผ่านกลไกการสื่อสาร ทั้งทางสื่อโซเชียล การทำกิจกรรมกลุ่ม และการรวมกลุ่มเพื่อนที่มีทัศนคติโน้มเอียงแบบต่อต้านสังคม

แม้สังคมมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรง แต่ตัวเยาวชนคนดังกล่าวและกลุ่มเพื่อน เมื่อได้รับความสนใจจากกลุ่มที่มีทัศนคติไปในทางเดียวกัน จะทำให้เกิดการเสริมแรงทางบวก กล่าวคือกลายเป็นความเท่ ตื่นเต้น ท้าทาย ห้าวหาญที่สามารถเอาชนะระบบ ระเบียบ และกลไกทางสังคมที่ตัวเองและพวกต่อต้านจนได้รับการยอมรับ ซึ่งความรู้สึกของพวกเขา มันคือการชดเชยส่วนที่ขาดหายไปจากครอบครัวหรือเพื่อน ที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและอยู่ในความปกติของสังคม

นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า การเสริมแรงทางบวกในมุมกลับ ทำให้เกิดพฤติกรรมต่อต้านสังคมที่เข้มข้นขึ้น มีการขยายผลจากเครือข่ายลัทธิคลั่งเสรีภาพแบบก้าวร้าว ผ่านกลไกของพรรคการเมืองหนึ่ง ป้อนความคิดเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและไม่คำนึงถึงผลกระทบ เป็นกระบวนการทำลายคุณค่าและอัตลักษณ์แบบประนีประนอมของเยาวชนไทยในระยะยาว เพราะยิ่งสังคมให้ความสนใจมากเท่าไหร่ ยิ่งมีเหยื่อที่เกิดจากการอบรมเลี้ยงดูที่ขาดพร่อง ไปเสพติดการให้คุณค่าทางสังคมแบบก้าวร้าว ซึ่งมีแต่จะทำให้ตัวเองติดบ่วงความรุนแรงไปเรื่อยๆ ตนจึงอยากให้คณาจารย์ใช้ความอดทนอดกลั้นให้มาก และหาโปรแกรมทางจิตวิทยา เชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือดูแลหยก รวมถึงมองหาทางออกร่วมกันกับครอบครัวและสังคม เพื่อเสริมหนุนให้เขาได้มีทางรอดทางอื่น และไม่ผลักไสให้ไปตกเป็นเหยื่อของขบวนการลัทธิดังกล่าว ที่ขับเคลื่อนโดยบางพรรคการเมือง

“ผมอดห่วงไม่ได้ว่าในอนาคต เราจะมีเหยื่อแบบหยกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้เสรีภาพเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นคุณค่าหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย แต่หากมุ่งทำลายระบบและค่านิยมแห่งการประนีประนอม ที่ช่วยรักษาระเบียบวินัย กฎกติกาไปจนถึงจารีตที่ดีงามทางสังคม และนำมาซึ่งความแตกแยกที่รุนแรงของครอบครัว โรงเรียน และสังคมแล้ว ก็ควรหาทางแก้ไขต่อไป” นายแทนคุณ กล่าว