เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ย่าและป้าของเด็กชายวัยสามขวบ นำหลักฐาน มาร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังหลานชายมีรอยเขียวช้ำไปทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า เบ้าตา แก้ม ขาก้น มีรอยรอยพกช้ำ ที่แผ่นหลังมีรอยไหม้ ระบมไปทั้งตัว หลังไปอยู่กับ แม่แท้ๆ และพ่อเลี้ยงได้เพียง 3 เดือน

 นางปัญญ์ชลี  อายุ 59 ปี ย่าของเด็ก เล่าว่า เธอเลี้ยงหลายชายคนนี้มาตั้งแต่ อายุได้ 2 เดือน เพราะแม่ติดคุกคดียาเสพติด ที่ผ่านมาก็เลี้ยงหลานด้วยความรักประคบประหงมมาโดยตลอด กระทั่งแม่ของเด็กพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็ให้มาอยู่ที่บ้านด้วยแม้ว่าจะเลิกกับลูกชายไปแล้ว จากนั้นเมื่อประมาณสามเดือนก่อนแม่ของเด็กก็ไปมีสามีใหม่ จึงขอเอาเด็กไปเลี้ยงดูเอง

ตลอดสามเดือนก็จะโทรหา วิดีโอคอลหาหลาน และส่งแพมเพิสของกินของใช้ไปให้หลานตลอด จนวันพุธที่ผ่านมาแม่ของเด็กโทรมาบอกว่า พาลูกขี่รถจักรยานยนต์ไปข้างนอก แล้วไม่รู้อะไรกระเด็นโดนใบหน้าจนเขียวช้ำ ย่าจึงบอกให้พาไปหาหมอแต่แม่เด็กอ้างว่าไม่มีเงินจึงให้พามาหาย่าจะได้พาไปโรงพยาบาลที่เด็กมีสิทธิ์รักษา  พ่อแม่ของเด็กพาหลานมาส่ง ก็พบว่าไม่ใช่เฉพาะที่ใบหน้าแต่มีร่องรอยถูกทำร้ายทั้งตัว และพบว่าเด็กผวาไม่นอนทั้งคืน ตอนเช้าจึงพาไปหาหมอ ซึ่งแพทย์บอกว่า แผลที่ตัวเด็กเกิดจากการถูกทำร้าย จึงโทรไปสอบถามแม่ของเด็ก แต่แม่ของเด็กปฏิเสธว่าไม่ได้ตีลูก ย่าไม่ปักใจเชื่อจึงได้มาร้องเรียนเพจสายไหมต้องรอดและจะเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สน. ฉลองกรุง

ด้านนางขนิษ อายุ 33 ปี ป้าของเด็ก บอกว่า แม่ของเด็กเคยมีลูกมาแล้ว 2 คน ก่อนจะมาอยู่กินกับน้องชายเธอ แล้วมีหลานชายคนที่ถูกทำร้าย ซึ่งปัจจุบันไปอยู่กับสามีใหม่ก็กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 4 ที่ผ่านมาก็เห็นเลี้ยงลูกดีไม่เคยทุบตี แต่ครั้งนี้ก็เลยแปลกใจว่าเธอเป็นคนทำร้ายลูกหรือว่าพ่อเลี้ยงเป็นคนลงมือ ซึ่งตอนนี้เด็กยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธัญญบุรีต่ออีกสามวัน เพราะแพทย์จะต้องรอตรวจร่างกายอย่างละเอียดและเอกซเรย์ซี่โครงว่าหักหรือไม่

ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา ตัวแทนเพจสายไหมต้องรอด ก็ได้พาย่าของเด็กเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน. ฉลองกรุง เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนที่กระทำหลาน ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นพ่อเลี้ยงและแม่แท้ๆ เพื่อให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนหลานหลังจากนี้ก็จะรับมาเลี้ยงดูเอง