เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธวัชชัย พิทยโสภณ รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการฯ นางพัฒนพร ไตรพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ และคณะ นำหลักฐานเข้าพบ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มบุคคลรวม 32 ราย ในฐานะตัวการร่วมสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจราคาผิด เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

นายธวัชชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. ตรวจสอบการกระทำความผิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE และพบข้อเท็จจริงรวมถึงพยานหลักฐานที่สนับสนุนให้เชื่อได้ว่า กลุ่มบุคคลรวม 32 ราย ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ระหว่างวันที่ 18 ก.ค. 65-10 พ.ย. 65 โดยแบ่งหน้าที่กันหรือตกลงร่วมกันส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และได้ส่งคำสั่งซื้อขายลักษณะดังกล่าวต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดจากสภาพปกติของตลาด

นายธวัชชัย กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.244/3 (1) และ (2) ประกอบ ม.244/5 และ ม.244/6 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยผลประโยชน์ที่กลุ่มผู้กระทำความผิดทั้งหมดได้รับมีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 32 ราย ต่อบก.ปอศ. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป

ด้านนายเอนก กล่าวว่า ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. ให้พิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดที่ปรากฏเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 วันนี้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญา ใครผิดใครถูกเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน อัยการ และศาลยุติธรรม อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมร่วมกับ บช.ก. โดย บก.ปอศ. ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ทาง ก.ล.ต. ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ถือหุ้น ผู้ซื้อ ผู้ขายหุ้นดังกล่าว หลังขยายผลพบผู้เกี่ยวข้องในคดีเพิ่ม 32 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป