เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 มิ.ย. ที่ ห้องโถงชั้น 1 อาคาร 2 สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) นายวิชัย ไชยมงคลเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ร.ท.สิทธิชัย ต่างใจ รองเลขาธิการทหารเรือ นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. น.อ.อนันท์ สุราวรรณ์ รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และ พ.อ.มารุต เปล่งขำ ผอ.กอง 12 สำนักปฏิบัติการข่าว ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ร่วมแถลงจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ เป็นผู้ต้องหาชาวไทย 7 ราย พร้อมยึดของกลาง เป็นไอซ์1,200 กิโลกรัม ในบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เชื่อว่าใช้เป็นสถานที่เก็บพักยาเสพติด ก่อนเตรียมส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม

นายวิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการนี้ ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วย SEAL กองทัพเรือ และตำรวจปราบปรามยาเสพติด สืบเนื่องจากการตรวจจับยาไอซ์ 1.2 ตัน ในพื้นที่ อ.นาหม่อม จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยยาเสพติดล็อตดังกล่าวถูกลำเลียงมาจากภาคเหนือและเตรียมส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย ต่อมาทางชุดปฏิบัติการร่วมได้ตามสืบสวนกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดและสามารถขยายผลจนสืบทราบว่า กลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดลักลอบเก็บพักยาเสพติดไว้ในพื้นที่ ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี จึงสนธิกำลังเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์จำนวน 1.2 ตัน บรรจุอยู่ในกระสอบ 24 ใบ ซึ่งแต่ละกระสอบจะบรรจุยาไอซ์ กระสอบละ 40 กิโลกรัม

นายวิชัย กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าขบวนการยาเสพติดเตรียมทยอยนำยาเสพติดออกจากพื้นที่เก็บพัก เพื่อลำเลียงผ่านภาคใต้ไปยังปลายทางประเทศที่สาม โดยหลังจากนี้ ป.ป.ส. เตรียมขยายผลการสืบสวนเพื่อหาเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังประเทศที่สามโดยจะประสานความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย และตำรวจนิวซีแลนด์ ซึ่งประเทศเหล่านี้คาดหมายว่าน่าจะเป็นประเทศปลายทางของยาเสพติดดังกล่าว

นายวิชัย ระบุอีกว่า ป.ป.ส.ได้เฝ้าติดตามขบวนการนี้มากว่า 6 ปี โดยยาไอซ์จำนวนนี้ เป็นการทยอยขนมาจากหลายแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือ โดยเฉพาะกลุ่มว้า เขตพื้นที่รัฐฉาน และสามเหลี่ยมทองคำ จากนั้นลำเลียงเข้ามาทางชายแดนตอนเหนือของประเทศ ทยอยขนเข้ามาโดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน แต่ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยแต่อย่างใด

นายวิชัย ยังระบุถึงวิธีการขนยาเสพติดในประเทศว่า จะทยอยขนผ่านการซุกซ่อนในรถหรือลักลอบขนตามพื้นที่ป่าเขาแล้วนำมาพักไว้ที่จังหวัดราชบุรี ก่อนที่จะขนลงไปยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเตรียมส่งต่อไปยังประเทศที่สาม หากขนไปยังมาเลเซีย จะใช้วิธีซุกซ่อนในรถบรรทุก ส่วนถ้าหากขนไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือสหรัฐอเมริกา จะใช้วิธีการลำเลียงผ่านทางเรือเล็กและขนถ่ายลงเรือใหญ่ในน่านน้ำสากล

“สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย พบว่าเป็นคนไทยทั้งหมดและเป็นคนพื้นที่ภาคกลางที่จ้างมาทำหน้าที่เฝ้าและลำเลียงยาซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวและเตรียมสอบปากคำเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป เชื่อว่าน่าจะมีขบวนการในประเทศไทยที่คอยทำหน้าที่ขนถ่ายยาในประเทศ และเชื่อว่าน่าจะมีขบวนการใหญ่เป็นเครือข่ายอยู่ในต่างประเทศสำหรับมูลค่ายาไอซ์ดังกล่าวนั้น เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินราคาได้ แต่เชื่อว่าน่าจะมีราคาในต่างประเทศมากถึง10 เท่า เมื่อเทียบกับเงินไทย” เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุ

ด้านนายปฤณ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. กล่าวว่า ทั้ง 7 ผู้ต้องหานั้นเราติดตามจับกุมได้เมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) โดยมีพฤติการณ์เป็นผู้ลำเลียงยาเสพติดอย่างเดียว รับช่วงต่อจากที่พักในจังหวัดราชบุรี เพื่อลำเลียงต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ ก่อนจะมีคนไปรับยาเพื่อนำส่งประเทศที่สาม อาทิ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้น อย่างไรก็ตาม เราสามารถทำการจับกุมได้ก่อน ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย อยู่ระหว่างการสอบปากคำ ทั้งนี้ ยังมีผู้ต้องหารายอื่นๆที่เราเตรียมออกหมายจับต่อไป หากมีการขยายผลจนพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศในงานแถลงข่าว ยังมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ (อิ่ม) ส.ส.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมการสังเกตการณ์และเป็นตัวแทนตรวจสอบสารเสพติดของกลาง พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่เสมอ จึงได้เห็นว่าสถานการณ์ยาเสพติดในชุมชนนั้น สามารถหาซื้อง่ายมากขึ้น และยังเข้าถึงเยาวชนง่ายดายขึ้น บางครั้งตนได้รับรายงานว่าเด็กและเยาวชนมีการนั่งเสพหรือที่พี้สิ่งเสพติดบริเวณหน้าบ้านด้วย วันนี้ตนจึงมาดูว่าหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลในเรื่องการปราบปรามยาเสพติดนั้นตอบโจทย์หรือไม่ หรือมีเครื่องมืออย่างไรบ้างขาดเหลือในส่วนใดบ้างหรือไม่ จึงได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ทำงานหนักมากๆ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย เราต้องเน้นที่การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ต้องนำผู้เสพติดเข้ารับการบำบัดให้หายขาด เพราะเรื่องยาเสพติดในชุมชนถือเป็นปัญหาอันดับต้นๆที่เราต้องเร่งแก้ไขจากเส้นเลือดฝอยและขยับไปสู่ผู้ค้าตัวหลักต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนยังได้รับฟังเสียงสะท้อนของเด็กๆและเยาวชนด้วยว่าพวกเขาเองก็อยากมีส่วนร่วมในการสนับสนุนปราบปรามยาเสพติดหรือออกแบบกลไกป้องกันยาเสพติด.