เป็นสัปดาห์ที่บอลไทยมีแต่ประเด็นร้อน และร้อนขึ้นเรื่อยๆ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประกาศพร้อมลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ อันสืบเนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ระเบิดลงในการประชุมโอลิมปิคไทย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อันสืบเนื่องจากผลในซีเกมส์ ไม่ได้ทอง แถมมีวิวาท และยังระบุด้วยว่า พล.อ.ประวิตร พูดตามคำแนะนำของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา

ตีไปถึง อีก “บิ๊กอ๊อด” คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์

อ่านข่าว : ด่วน! ‘สมยศ’ ลาออก ตามที่ ‘ประวิตร’ สั่ง บอลไทยส่อโดนแบนทันที

มีกลิ่นมาแล้ว จากที่ พล.ต.อ.สมยศ แถลงการณ์ว่า วงการบอลไทย มีการเมือง ขั้วอำนาจ แทรกแซง เป็นเวทีต่อรอง เวทีขัดแย้ง

เข้าใจว่าสืบเนื่องจากดีลไทยลีก ที่มีข่าวว่า จริงๆ จบแล้วที่ 550 ล้านบาท แต่บริษัทดังกล่าว ล้มโต๊ะดื้อๆ เพราะมีการเมืองแทรก

กระทั่งไล่ต่อเนื่องมาถึง พล.อ.ประวิตร ประกาศไล่ตะเพิด (ใช้คำนี้ได้เลย เพราะย้ำถี่ยิบ อย่างรุนแรง)

เจาะไปประเด็นสำคัญคือ พล.ต.อ.สมยศ บอกว่า จะชี้แจงต่อ ฟีฟ่า, เอเอฟซี, เอเอฟเอฟ ว่า ทำตาม พล.อ.ประวิตร สั่งการ ซึ่งต้องบอกเหตุผลตามปกติ

อ่านข่าว : ยันต้องแจงฟีฟ่าสาเหตุ ‘สมยศ’ ลาออก – ประชุมสภานัดสำคัญไม่ล่ม

นั่นก็คือการฟ้องโลกว่า พล.อ.ประวิตร เป็นต้นเหตุ เข้าข่ายมือที่ 3 แทรกแซง จะโดนแบนจากฟีฟ่า

แถลงการณ์ของ พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้บอกว่าจะลาออกเมื่อไหร่

แต่ที่แน่ๆ ประเด็น “ฟีฟ่าแบน” ตอนนี้เป็น “ระเบิดลูกใหญ่” ถูกโยนไปฝั่ง พล.อ.ประวิตร

อ่านข่าว : ลุ้นเสียวไส้ เผยเคสฟีฟ่าเคยแบนเรื่องแทรกแซง-ชี้ ‘สมยศ’ เพิ่งระบายความอึดอัด

กับข้อหามีโอกาสเป็นคนที่ทำให้บอลไทยโดนแบนจากฟีฟ่า

เรื่องจะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ ฟีฟ่า อาจมองว่า ก็แค่ไล่ ไม่เห็นต้องลาออก หน้าบางเอง

หรือมองว่าแทรกแซงจริง เพราะหมวกหนึ่ง คือรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งหมวกที่อาจจะไม่สามารถจับต้องได้ ก็ในฐานะ “ผู้มากบารมี”

แต่ระหว่างนี้ ทุกกระแสจะพุ่งเป้าไปที่ บิ๊กป้อม เพราะฟุตบอลคือกีฬามหาชน กีฬาเบอร์ 1

แน่นอน ผลกระทบนี้ จะไม่จบแค่วงการฟุตบอลเท่านั้น

แต่จะสะเทือนถึงเวทีการเมืองในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มด้วย.

*** วุฒินล ***