เมื่อวันที่ 7 ก.ค. รายการโหนกระแส วันนี้ พูดคุยกรณีแก๊งแม่สื่อ ลวงสาวไทยไปแต่งงานกับคนจีน ย้ายไปอยู่เมืองจีน หมายมั่นให้ตั้งท้องมีลูก แต่พอมีลูกให้ไม่ได้อย่างที่บอก ก็ถูกตบตีทำร้ายสารพัด จนต้องหนีตายกลับมา

คุณนุช ผู้เสียหายอายุ 31 ปี ย้อนเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อ 4 ปีก่อน มีกลุ่มแม่สื่อติดต่อมาหาตน โดยแม่สื่อกลุ่มนี้ มีกันประมาณ 7-8 คน รู้จักผ่านเพื่อนที่รับแต่งงานกับชายชาวจีนมาก่อน และแนะนำต่อๆ กันมา โดยมี 1 คนในกลุ่มแม่สื่อที่ติดต่อมาหาเรา ชื่อ “แม่ดา” ขอให้เราไปแต่งงานเป็นภรรยาชายชาวจีน เพื่อจะได้มีลูกกับเขา มีการนัดดูตัวกันที่ จ.อุดรธานี ส่วนตัวคุณนุชอยู่ที่พัทยา

พอไปถึงอุดรธานี ได้เจอชายชาวจีน ชื่อ จิน เว่ย เหวียน ที่รออยู่กับแม่ดาอยู่แล้ว ตอนนั้นตกลงว่าจะพูดคุยสื่อสาร ศึกษากันดูก่อน แต่คุยได้แค่ 7 วัน ทางแม่ดาเร่งรัดมาว่า ถ้าตกลงจะทำจริงๆ ก็ให้รีบจัดงานแต่งงานไปเลย ตอนนั้นตนได้แจ้งแม่ดาไปเลยว่า ตนไม่สามารถมีลูกให้เขาได้นะ เพราะเราทำหมันไปแล้ว เรามีลูกอยู่แล้ว 2 คน แม่ดาตอบว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรื่องนี้ไปแก้ปัญหาทีหลังได้ อยู่ๆ กับเขาไปก่อน ถ้าเขาอยากจะมีลูกจริงๆ เราค่อยไปแก้หมันก็ได้

หลังจากตกลงกันแล้ว แม่ดาจ่ายเงินให้เรา 1 แสนบาท โดยไม่หักเลย เป็นเงินที่ชายชาวจีนให้มา แต่พอมาตามสืบทีหลังทราบมาว่า แม่ดาได้เงินมา 1 ล้านบาท ส่วนตนได้แค่แสนเดียว พอรับเงินเขามาแล้ว จัดงานแต่งไปแล้ว มันก็เหมือนเลยตามเลย ถ้าไม่ไปเมืองจีนตามสัญญา ต้องจ่ายเงินคืนเขา 2 เท่า คือ 2 แสนบาท สุดท้ายก็ยอมไป ไปอยู่ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ในมณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคเหนือของจีน สัญญาคือ 6 เดือน ถ้าไม่มีลูกจะส่งกลับไทยอย่างปลอดภัย ถ้าถูกทำร้ายร่างกาย ก็จะถูกส่งกลับไทยอย่างปลอดภัย

แต่ปรากฏว่า พอไปอยู่จีนได้ 2 เดือนแรก สามีมาถามว่าตนไม่มีลูกเสียที ตนก็เลยสารภาพว่า ทำหมันไปแล้ว บอกกับแม่ดาไปแล้ว แต่แม่ดาไม่ยอมให้ตนบอกกับสามีโดยตรง สามีโกรธมาก จนทำร้ายร่างกาย ทุบตีสารพัด ยึดมือถือ ยึดทรัพย์สินที่ติดตัวไปไว้ทั้งหมด

หลังจากนั้น เขาบังคับให้ตนไปทำงานรับจ้าง เก็บข้าวโพดในไร่ของชาวบ้าน ได้เงินมาก็ต้องเอามาให้เขาทั้งหมด

ต่อมาทางครอบครัวที่ไทยติดต่อตนไม่ได้ มีการประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ จนมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไปหาเขา ถามหาว่าตนยังอยู่หรือไม่ สามีบอกว่าผู้หญิงคนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้เป็นอะไร ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้ายังไม่ตาย ยังไงก็ต้องให้เขาได้ติดต่อกับครอบครัว จนสุดท้ายสามีกลัวว่าจะโดนดำเนินคดีฐานกักขัง จึงยอมคืนโทรศัพท์ให้ แล้วให้ตนไปไหนมาไหนตามลำพังได้ สุดท้ายหลังทนทุกข์ทรมานอยู่นาน 4 ปี ตนก็เลยตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะเขตที่ออกวีซ่าให้ตน กับเขตที่อยู่ เป็นคนละเขตปกครองกัน ต้องติดต่อหลายหน่วย กว่าจะได้รับการช่วยเหลือกลับมาไทย

เรื่องนี้ อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส มองว่า การที่คุณนุชรู้อยู่แล้วว่าท้องไม่ได้ แต่หลวมตัวเดินทางไปจีน ไปแต่งงานกับเขา ตรงนี้อาจจะเข้าข่ายร่วมกันหลอกลวงชายชาวจีน ถึงแม้เราจะไม่มีเจตนาแบบนั้น แต่ด้วยความที่เรารู้อยู่แล้วก็ยังไป มันก็ถือว่าเข้าข่ายความผิด ซึ่งเหตุนี้การจะไปเอาผิดแม่สื่อ ทำได้ยากมากๆ สิ่งที่พอจะทำได้ คือไปฟ้องศาลไทย ฟ้องหย่าขาดกับชายชาวจีน อาจจะทำได้เท่านี้

เรื่องนี้ อาจารย์ปรเมศวร์ มองว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องสัญชาติ ทั้งกระทรวงมหาดไทย ต้องมาดูว่า คนจีนที่มาแต่งงานกับหญิงไทย เขาต้องการอะไร ในเมื่อถ้าเขาแค่อยากมีลูก ก็แต่งกับคนจีนด้วยกันเองน่าจะดีกว่าไหม การแต่งกับคนไทย หวังจะได้ลูกกับคนไทย สองสัญชาติ ก็อาจจะเกี่ยวโยงกับขบวนการคนจีนสีเทาในบ้านเรา ที่ตอนนี้เข้ามาพักอาศัย มาทำธุรกิจต่างๆ จนเห็นอยู่เต็มเมืองไปหมด ตรงนี้ฝ่ายการเมือง ฝ่ายบริหารต่างๆ ต้องมาดูแล มองว่าไม่ใช่เรื่องเฉพาะของคนที่ถูกหลอกแล้ว แต่เป็นเรื่องระดับชาติมากกว่า