เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดศรีเขตนันทาราม ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังทราบข่าว ยายใจบุญสองคนพี่น้อง ถวายบ้านทรงไทยพร้อมที่ดิน 4 ไร่ ให้กับทางวัด ได้พบกับ พระครูพิทักษ์สุนทร เจ้าอาวาสวัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันพระใหญ่ ทางวัดมีการทำบุญเลี้ยงเพลพระ ยายทองหล่อ แจ่มเหมือน อายุ 83 ปี และยายกะท้อน แจ่มเหมือน อายุ 80 ปี สองพี่น้อง ซึ่งเป็นคนใน ต.ลำโพ มาตั้งแต่เกิด ได้มาร่วมทำบุญที่วัดเหมือนเช่นเคย พร้อมกับนำโฉนดที่ดิน 4 ไร่เศษ พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นบ้านทรงไทย มาขอยกถวายให้กับทางวัดเป็นผู้ดูแลต่อไปในอนาคต เนื่องจากทั้งสองคนมีอายุมากแล้ว เกรงว่าหากล้มป่วยหรือหลงลืมไป และไม่จัดการเรื่องทรัพย์สมบัติให้เรียบร้อย ก็จะเป็นห่วงผูกมัด จึงปรึกษาและตัดสินใจร่วมกันก่อนจะทำบุญถวายวัด

พระครูพิทักษ์สุนทร กล่าวอีกว่า หลังจากที่ทางวัดรับมอบโฉนดที่ดินพร้อมบ้านทรงไทยที่ยายใจบุญทั้งสองคนนำมาถวายแล้ว ทางวัดก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการอะไรในพื้นที่ดังกล่าว ปล่อยให้ยายทั้งสองคนพักอยู่อาศัยกันไปตามเดิมเหมือนปกติ ตามเจตนาที่โยมทั้งสองคนต้องการ คือหลังยกโฉนดที่ดินพร้อมบ้านถวายวัดไปแล้ว ก็จะขออยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ต่อไป จนกว่ายายทั้งสองคนจะไม่อยู่แล้ว ทางวัดจึงจะเข้าไปดูแลต่อแทน

ต่อมานายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางไปพบกับยายทองหล่อและยายกะท้อนที่บ้านพัก เพื่อสอบถามรายละเอียด โดยพบว่าทั้งสองยายอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองคนในบ้านทรงไทย 2 ชั้น บนเนื้อที่ 4 ไร่เศษ โดยรอบบริเวณบ้านพักมีต้นมะม่วงและไม้ผลอื่นๆ รายล้อมอยู่ล้อมบ้าน

ยายทองหล่อและยายกะท้อน เปิดเผยว่า ตนทั้งสองคนเป็นคนที่นี่ เกิดและเติบโตขึ้นมาจนปัจจุบันก็มีอายุเยอะกันแล้ว ไม่มีครอบครัวอะไรให้ต้องห่วง เพราะเหลือกันอยู่เพียงสองคนพี่น้องเท่านั้น เกรงทรัพย์สินที่มีคือบ้านกับที่ดินที่พักอาศัยกันอยู่ในปัจจุบันจะไม่มีคนดูแลต่อไปในอนาคต หากตนทั้งสองคนเสียชีวิตลง จึงตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่นยกที่ดินและบ้านทรงไทยถวายเป็นบุญกุศลครั้งสุดท้ายของชีวิตให้กับทางวัดเป็นผู้รับไปดูแลต่อไป ซึ่งเมื่อได้นำโฉนดไปถวายให้กับทางวัดแล้ว ตนรู้สึกสบายใจที่ได้ทำบุญใหญ่ในตอนที่สติสัมปชัญญะยังดีอยู่ ดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วเกิดแก่ชราจนหลงลืม เจ็บป่วย หรือเสียชีวิตลงก็จะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ทุกวันนี้ตนทั้งสองคนก็สบายใจ จะหลับจะนอนก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว เพราะได้ยกที่ดินกับบ้านถวายวัดไปหมดแล้ว ทุกวันนี้ก็เหมือนกับคนที่ขออาศัยที่ดินวัดอยู่แบบนี้สบายใจมากกว่า

ก่อนหน้าที่ตนทั้งสองคนจะตัดสินใจยกที่ดินถวายวัดไปนั้น มีนายหน้าประมาณ 2-3 คน มาติดต่อขอซื้อที่ดินผืนนี้ แต่นายหน้ากลับหาว่าตนทั้งสองคนขายที่แพง และหากขายไปแล้วก็ต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแทน จึงคิดตรงกันว่า เงินทองที่พอมีกินมีใช้กันอยู่ก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้อดยากอะไรกับชีวิตในบั้นปลาย ตนทั้งสองคนจึงตัดใจยกที่ถวายทำบุญกับวัดไปด้วยความสบายใจดีกว่า อย่างน้อยที่ดินผืนนี้ก็ยังคงอยู่กับวัดตลอดไป ไม่มีใครสามารถเอาไปได้ และตนทั้งสองคนยังได้พักอาศัยกันอยู่ต่อไปโดยไม่ต้องย้ายที่อยู่ใหม่ และก็มีความเชื่อความศรัทธาว่าด้วยผลบุญกุศลที่ตั้งใจทำบุญใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต จะทำให้ชาติหน้าที่ได้เกิดมา มีที่เกิดที่กินที่อยู่ ไม่อดอยากยากจนตามที่ได้อธิษฐานไว้

ยายทองหล่อและยายกะท้อน ยังเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาตนทั้งสองคนได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายให้กับวัดที่อื่นมาแล้ว 2 วัด คือวัดบ้านกรวด อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี และวัดสามง่าม ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่วนวัดสุดท้ายที่ตั้งใจยกที่ดินถวายวัดคือวัดศรีเขตนันทาราม ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเมื่อนับรวมที่ดินที่ตนทั้งสองคนถวายให้กับทางวัดทั้ง 3 แห่งไป รวมเป็นพื้นที่ประมาณ 10 ไร่