จากกรณี พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง และกล่าวถึงประเด็นที่มีการจะแก้มาตรา 112 จนมีกระแสถามถึงความเหมาะสม ที่พระภิกษุ ออกมาวิจารณ์ และแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ในช่วงที่กำลังมีการเจรจาสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล เป็นช่วงที่อ่อนไหว ต่อความรู้สึกของประชาชน ที่ความคิดเห็นแตกทางการเมือง 

ต่อมาพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องของการเมือง คณะสงฆ์ก็มีคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณร เกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ. 2538 ที่กำหนดไว้

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สอบถามพระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาส วัดสวนแก้ว กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคงจะต้องแยกแยะว่า บางส่วนพูดได้ บางส่วนพูดไม่ได้ ซึ่งให้ข้อธรรมะกับนักการเมืองว่าควรทำสภาให้มีสัตบุรุษ ผู้สงบระงับอย่าหมุนหันพลันแล่นให้เยือกเย็น ถ้าพระพูดแบบนี้ไม่ได้ ก็แสดงว่าให้ธรรมะหลักคิดทางการเมืองไม่ได้ แต่ที่ไม่ได้ตามที่หลวงพี่น้ำฝนว่า มันน่าจะเป็นการเข้าข้างใดข้างหนึ่ง ไปอยู่ฝ่ายค้านถล่มรัฐบาล หรืออยู่ฝ่ายรัฐบาลถล่มฝ่ายค้าน พูดในลักษณะยกข้างหนึ่งเหยียบข้างหนึ่ง อย่างนี้จะไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องผิดหลัก เพราะฉะนั้นอาตมาเองก็จะไม่ดื้อ ถ้ามหาเถรสมาคมว่ายังไงอาตมาก็ว่าอย่างนั้น เดี๋ยวเข้าพรรษานี้ก็จะเงียบแล้ว ต้องขออภัยสื่อทั้งหลายที่จะมาสัมภาษณ์ เรื่องต่อไปนี้ขอให้เป็นเรื่องธรรมะล้วนๆ ในพรรษา อย่าเป็นธรรมะการเมือง ที่จริงมันน่าจะพูดได้ แต่เอาล่ะ เพื่อให้มันสงบจบลงง่าย อยู่กันแบบสบายสามัคคีไม่ตึงเครียด ไม่กระทบกระทั่งกันน่าจะดีกว่า

พระพยอม กล่าวว่า อาตมาคิดว่าเข้าพรรษานี้ จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ตอบโต้ทางการเมือง ไม่ว่าใครจะว่ามายังไง ก็จะอยู่นิ่งๆ สงบนิ่งให้มากกว่าที่แล้วมา วันหนึ่งสื่อมาหลายช่อง อาจจะมีอะไรเกี่ยวกับการเมืองหลุดไปบ้าง จะไม่ให้หลุดเลยมันก็คงไม่ใช่นิสัยคนธรรมดา ถ้าจะไม่ให้เผลอหลุดต้องเป็นพระอรหันต์ จะพยายามทำตามกฎของมหาเถรสมาคม เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังฆมณฑล