เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางมายังกองอำนวยการร่วม ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว สนามกีฬา อบต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเหตุโกดังเก็บดอกไม้เพลิง ซึ่งตั้งอยู่บ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่ช่างกำลังเชื่อมต่อเติมชั้นวางของภายในโกดัง ซึ่งมีดอกไม้เพลิงและพลุนานชนิดจำนวนกว่า 2 คันรถสิบล้อถูกเก็บอยู่ภายในโกดัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

โดยมี พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียน ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.อนุราช จิตศีล นักวิทยาศาสตร์ สบ.5 ศูนย์กองพิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จ.นราธิวาส รวม 20 นาย คอยให้การต้อนรับและร่วมประชุมร่วมในการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี ร.ท.พัฒนาวุฒิ สังข์สุวรรณ ผบ.ร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 กก.สุริโยทัย เป็นผู้บรรยายตั้งแต่การเกิดระเบิด การควบคุมสถานการณ์ การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ในชาวบ้านได้ออกห่างจุดเกิดเหตุ เกรงจะได้รับอันตรายในระหว่างไฟลุกลามกองดอกไม้เพลิงที่ปะทุเป็นเวลานานหลายชั่วโมง

พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้บูรณาการในการปฏิบัติแบ่งการทำงานให้ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการขออนุญาตการตั้งโกดังถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีผลต่อการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ อี.โอ.ดี.ต้องเร่งและประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าการระเบิดในครั้งนี้ พบหลุมระเบิด 2 จุดในโกดังค่อนข้างลึก หากเป็นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณกี่กิโลกรัม และในส่วนของการครอบครองดอกไม้เพลิงสามารถเก็บไว้ในโกดังได้เท่าใด ซึ่งตนได้สั่งตรวจสอบโกดังต่างๆในพื้นที่ จ.นราธิวาส ไปแล้วมีทั้งหมด 52 แห่ง แต่มีการดำเนินการตามระเบียนของการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก

รายงานข่าวจากแหล่งข่าวนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด ได้มีการพูดคุยให้รายละเอียดในทางลับว่า จากการประเมินของหลุมระเบิด รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นผลการดินดำหรือดินเทาที่เป็นส่วนผสมของดอกไม้เพลิงที่เก็บไว้ในโกดัง ซึ่งมีปริมาณมาก 2 ถึง 3 คันรถสิบล้อนั้น คาดว่าจะมีน้ำหนักมากถึง 5 ตัน หรือ 5,000 กก. ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างไกลถึง 2 กม. และในส่วนของการขออนุญาตมีการจดทะเบียนชื่อ ร้านวิรวัฒน์ภาณิช โดย น.ส.ปิยะนุช พึ่งวิรวัฒน์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายสมปอง ณะกุล ที่จำหน่ายสินค้าการเกษตร ของใช้ในครัวเรือน รวมทั้งประทัดและดอกไม้ไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานไปยังนายสมปอง และภรรยาได้รับทราบเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถมาพบเจ้าหน้าที่ได้ หลังจากที่ได้พาสมาชิกในครอบครัวไปท่องเที่ยวต่างพื้นที่ในช่วงวันหยุดยาว

ด้าน พล.ต.ต.อนุรธ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคดีนั้นมีความผิดหลายกระทง คือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา ห้ามมิให้ผู้ใดทำสั่งนำเข้า หรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิงเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการเก็บรักษาดอกไม้เพลิงอันอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชน ตาม พรบ.อาวุธ เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และเรื่องอื่นๆ ที่อยู่ในการสอบสวนรายละเอียด เช่น ผิดตาม พรบ.โรงงาน พ.ศ. 2535 พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ผู้ใดกระทำให้เกิดการระเบิดเพลิงไหม้จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ซึ่งเป็นโรงเรือน และเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย อันตราย สาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต

เมื่อ พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาค 4 รับฟังบรรยายสรุปและชี้แนะการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ ได้เข้าเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบเหตุอันเกี่ยวเนื่องมาจากโกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิด ที่เข้าพักศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 2 ครัวเรือน รวม 12 คน ที่ได้รับบาดเจ็บและบ้านพักอาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง เพื่อมอบถุงยังชีพและพูดคุยให้กำลังใจ ซึ่งทุกคนมีขวัญกำลังใจและเชื่อว่าทางการจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่

พล.ท.ศานติ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีการสอบสวนดำเนินคดี ว่าโกดังนี้มีการขออนุญาตในทุกเรื่องถูกต้องหรือไม่ โดยทางผู้การตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ได้ชี้แจงว่าใครที่เกี่ยวจะดำเนินการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและอี.โอ.ดี.ด้วย ที่ตรงนี้ก่อนช่วงเดือนรอมฎอนได้สั่งการไปแล้วครั้งหนึ่งว่า ร้านค้าที่ขายพลุประทัดต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ให้ทำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งอาจจะมีหลงเหลือหรือแอบกันอยู่บ้าง หลังจากนี้ไปให้ตรวจสอบทุกจังหวัดให้เข้าในทุกโกดังร้านค้าว่าถูกต้องหรือไม่ ทั้งครอบครอง เคลื่อนย้ายหรือจำหน่าย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก