เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวพาดพิงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ขณะที่ดํารงตําแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และกรรมการของ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ได้มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาทนั้น 

ต่อมาบริษัท แสนสิริฯ ได้ออกหนังสือแถลงการณ์โดยชี้แจงว่า สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าวระหว่างแสนสิริกับผู้ขาย กำหนดให้ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดประกอบกับเป็นหน้าที่ตามกฏหมายของผู้ขายในการเสียภาษีอากรข้างต้นด้วย แสนสิริมีหน้าที่ชำระราคาให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกัน และรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่านั้น แสนสิริไม่ได้รับรู้หรือเกี่ยวข้องในวิธีการหรือการดำเนินการใดๆ ทางภาษีอากรของผู้ขายตามที่ได้มีการกล่าวอ้างดังกล่าว และไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการประหยัดภาษีและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ขาย

แถลงการณ์ ระบุต่อว่า ในการซื้อขายที่ดินของแสนสิรินั้น นายเศรษฐา ขณะที่เป็นผู้บริหารสูงสูดและกรรมการของแสนสิริ จะมีส่วนร่วมเฉพาะในขั้นตอนการอนุมัติจัดซื้อที่ดิน โดยพิจารณาจากตัวเลข และข้อมูลที่ทีมสรรหาที่ดินของแสนสิริได้จัดทำ และนำเสนอ ให้ที่ประชุมผู้บริหารเพื่อพิจารณาและนำเสนอคณะกรรมการของบริษัทเพื่ออนุมัติการซื้อที่ดินและการลงทุนตามลำดับ นายเศรษฐาในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของแสนสิริ จึงอนุมัติเพียงแค่ราคาและมูลค่าเงินลงทุนเท่านั้น ส่วนการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน การชำระราคา และการโอนกรรมสิทธิ์จะเป็นหน้าที่ของทีมสรรหาที่ดินที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการและประสานงานทั้งหมด

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า ภายหลังจากที่แสนสิริได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางมัดจำซื้อที่ดินไปแล้วเป็นระยะเวลาหลายเดือน ก่อนถึงกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ขายเป็นผู้แจ้งความประสงค์เกี่ยวกับรายละเอียดวิธีการโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาส่วนบที่เหลือให้ทราบว่าต้องการแยกโอนเฉพาะส่วนตามรายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามที่เป็นข่าว ทีมสรรหาที่ดินซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามสัญญาพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยังคงเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา อีกทั้งไม่กระทบกระเทือนต่อการที่แสนสิริจะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยสมบูรณ์ตามสัญญาที่ตกลงกัน และไม่ได้ทำให้แสนสิริต้องได้รับความเสียหายหรือมีภาระค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมจากที่ตกลงไว้แต่อย่างใด ทีมสรรหาที่ดินจึงตัดสินใจดำเนินการตามที่ผู้ขายแจ้งให้ทราบ 

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า แสนสิริ ชำระราคาที่ดินแปลงดังกล่าวเกือบทั้งหมด โดยเช็คและแคชเชียร์เช็ค มีการชำระเป็นเงินสดเพียง 301,000 บาท ไม่ได้มีการชำระเงินสดจำนวนมากตามที่ได้มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกว่า การซื้อขายที่ดินมีการชำระด้วยแคชเชียร์เช็ค ส่วนที่เหลือชำระเป็นเงินสดนั้น เป็นเพราะแสนสิริได้ชำระเงินมัดจำให้แก่ผู้ขายตามสัญญาจะซื้อจะขายเสร็จสิ้นไป ก่อนวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายเดือนก่อนหน้า ทางปฏิบัติตามปกติของกรมที่ดินจะบันทึกส่วนต่างของค่าที่ดินที่ไม่มีการแสดงสำเนาแคชเชียร์เช็ค ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ว่าเป็นการชำระด้วยเงินสด

แถลงการณ์ ระบุอีกด้วยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่กรมที่ดินโดยเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และได้มีการชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจเฉพาะ/อากรแสตมป์ ตามที่มีการเรียกเก็บเรียบร้อยแล้ว และแสนสิริได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามราคาที่ตกลงซื้อขายกัน 

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า จากข้อเท็จจริงที่ชี้แจงมาข้างต้น จะเห็นได้ว่านายเศรษฐา ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และกรรมการของแสนสิริในขณะนั้น ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของบริษัทครบถ้วนแล้ว และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้ขั้นตอนวิธีการในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่กล่าวข้างต้น เพราะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายหลังการทำสัญญาจะซื้อจะขายและอยู่ในความรับผิดชอบของทีมสรรหาที่ดินที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการที่ต้องจัดการให้เป็นไปตามสัญญาและถูกต้องตามกฎหมาย ธุรกรรมการซื้อขายที่ดินของแสนสิริดังกล่าว เป็นการซื้อขายที่ดินตามปกติในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้.