จากกรณีทางเพจ สายไหมต้องรอด-เพจสำรอง ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่ง ได้ออกมาร้องของความเป็นธรรมให้กับลูกสาว มีข้อความระบุว่า โดนเพื่อนกระชากจนล้มหัวฟาดพื้น ต้องผ่าตัดสมอง หลังเกิดเหตุทาง รร. ให้เงินช่วยเหลือมา 2 หมื่นบาท บอกว่าเรี่ยไรกันมาได้แค่นี้ คุณแม่จึงแจ้งความดำเนินคดีและเรียกค่ารักษาพยาบาล แต่ทาง รร.ปฏิเสธบอกไม่มีเงิน ไม่มีประกัน จะให้หาเงินจากไหน ตอนนี้น้องอาการดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังต้องหยุดเรียน และตาของน้องได้รับผลกระทบจากการไปถึง รพ.ช้า ทำให้น้องตาเหล่ เห็นได้ชัด และมีอาการอื่นที่จะต้องฟื้นฟู แม่นั่งกอดน้องร้องไห้แทบทุกวัน อยากขอร้อง #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกเราด้วยนะคะ

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รุดตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่บ้านเกาะยาว หมู่ 1 ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง พบกับ น.ส.ศิริลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และ ด.ญ.ริญ (นามสมมุติ) อายุ 9 ขวบ และครอบครัว เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย น.ส.ศิริลักษณ์ ได้นำเอกสารหลักฐานการแจ้งความ บัตรประกันอุบัติเหตุที่ รร.ทำให้ และบิลค่ารักษาพยาบาลที่ยังค้างอยู่เป็นเงินจำนวน 66,708.50 บาท

น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา ลูกสาวของตนอายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ตอนนั้นตนกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท ครูประจำชั้นที่โรงเรียนได้โทรศัพท์มาหาตน พร้อมบอกให้มารับลูกสาวตนด่วน เมื่อตนถามว่าลูกสาวตนเป็นอะไร ครูก็ให้คำตอบไม่ได้ ตนจึงรีบขี่ จยย. แล้วรีบไป เมื่อไปถึงที่โรงเรียน ก็รีบไปที่ห้องเรียนชั้น ป.4 ของลูกก็ไม่พบตัว จึงถามครูประจำชั้น ทางครูจึงโทรศัพท์หาครูประจำวิชา ตนไม่รอแล้วจึงเดินออกตามหา พบลูกสาวตนอยู่ใต้อาคาร โดยมีเพื่อนเดินจูงมือมา ตอนนั้นที่พบลูกตนเหงื่อออกทั้งตัว มีอาการปากซีด ตนก็ถามลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนลูกสาวตนตอบมาว่าล้มหัวฟาดพื้นและปวดหัวมาก 

จากนั้นตนจึงรีบพาลูกไป รพ.ตรัง โดยอุ้มลูกไว้ในมือ 1 ข้าง ตลอดทางจนไปถึง รพ. ตนก็อุ้มลูกไปหน้าห้องฉุกเฉิน แต่วันนั้นเป็นวันที่มีผู้มาใช้บริการเยอะมาก เจ้าหน้าที่จึงบอกให้ตนรอ ขณะนั้นเองลูกสาวตนปัสสาวะรดตัวเอง อุจจาระไหล ตนจึงรีบไปบอกเจ้าหน้าที่ จากนั้นจึงได้เข้าไปเครื่อง MRI อย่างเร่งด่วน ก่อนที่หมอบอกกับตนว่า ลูกสาวกะโหลกร้าว เลือดออกในสมองประมาณ 3 ซม. และเลือดเริ่มกระจาย ตอนนี้กำลังทำการประสานแพทย์เฉพาะทางให้เร่งทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1.30 ชั่วโมง ระหว่างที่อยู่หน้าห้องผ่าตัด ทาง ผอ.โรงเรียนและคณะครู ก็ได้มาดูอาการ ตอนนั้นสภาพตนคือนั่งทรุดลงกับพื้น พร้อมกับภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกสาว ก่อนที่แพทย์บอกกับตนให้ทำใจว่า หลังผ่าตัดลูกสาวตนอาจจะไม่เหมือนเดิม ทางแพทย์ไม่ได้เอากะโหลกน้องออก และใส่ท่อเพื่อดูดเลือดที่ซึมในสมอง พร้อมย้ายไปห้อง icu เด็ก วันต่อมาลูกสาวมีอาการดีขึ้น ตนจึงให้ย้ายน้องไปนอนห้องพิเศษเพื่อกันแผลติดเชื้อ ตอนนั้นตนก็ไม่ได้มีเงิน ทาง ผอ. ได้ให้เงินมาประมาณ 2 หมื่นบาท ตนก็ถามว่าเงินอะไร ทาง ผอ. ก็ตอบว่า เป็นเงินที่เรี่ยไรมา เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตนจึงรับมาก่อน เนื่องจากตอนนั้นต้องนำมาใช้จ่ายค่า รพ.  

หลังจากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองตรัง เพราะต้องการทราบความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวตน ก่อนที่ทางตำรวจประสาน ผอ. เข้าไปสอบสวนเรื่องราวตรงหน้าห้องเรียนไม่มีกล้องวงจรปิด น้องสาวตนที่ไปกับตำรวจก็ทราบเรื่องราวช่วงเวลาพักเที่ยง ในขณะที่ลูกสาวของตนเล่นกับเพื่อน เพื่อนของลูกสาวได้ฉุดมือ แต่ลูกสาวไม่ได้ตั้งตัว ทำให้ลูกสาวล้มลงหัวกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ซึ่งลูกสาวปวดหัวและมึนหัว แต่ก็ยังทรงตัวได้และไปเล่นกับเพื่อนต่อตามปกติ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ลูกสาวตนได้บอกกับคุณครูคาบวิชาถัดไปว่า ล้มหัวกระแทกพื้นและมีอาการเจ็บที่บริเวณศีรษะ คุณครูได้ช่วยทายาให้ และให้น้องไปเรียนต่อโดยไม่ได้โทรฯ แจ้งคุณแม่ ซึ่งให้น้องนั่งเรียนต่อจนถึงวิชาสุดท้ายเวลา 15.15 น. คุณครูเห็นท่าทางของน้องไม่ปกติเหมือนจะไม่สบาย จะหลับตลอดเวลา จึงโทรฯ บอกคุณแม่ให้มารับ เนื่องจากน้องไม่สบาย

จากนั้นทางตำรวจจึงทำการนัดประสานไกล่เกลี่ยกับทาง ผอ.โรงเรียน ในตอนนั้นทาง ผอ. กล่าวขอบคุณตนที่ไม่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบอกใคร ช่วยปิดข่าวให้โรงเรียน อยากให้ช่วยเหลือทางไหนก็บอกมาได้เลย ตนจึงเรียกร้องเป็นเงินสดประมาณ 3 แสนบาท เนื่องจากตอนนั้นตนไม่ทราบว่าลูกสาวตนจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่ และค่ารักษาจะไปสิ้นสุดตรงไหน และเรียกจากผู้ปกครองของเด็กคู่กรณี 1 แสนบาท พร้อมบอกว่าถ้าไม่ไหวให้แจ้งตนได้ ตนก็ไม่อยากได้เงินตรงนี้จากแม่เด็กคู่กรณี เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ พอครั้งที่ 2 ก็นัดไกล่เกลี่ยที่ สภ.เมืองตรัง ทางตำรวจก็บอกตนว่า จะพยายามถามว่าวันนี้จะจ่ายเงินให้ผู้เสียหายได้หรือไม่ จากนั้นตนก็ได้ยินเสียง ผอ. พูดว่า เด็กมีเป็นร้อยคน ถ้ามีปัญหาแล้วต้องจ่าย 3 แสนทุกคน ตนไม่ตายเหรอ ในวันนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเจรจาจาก ผอ. มาโดยตลอด ก่อนที่ตำรวจแนะนำตนให้ไปฟ้องร้องต่อศาลเอง เนื่องจากสิ้นสุดกระบวนการของตำรวจแล้ว เพราะเวลานัดไป ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเลื่อนนัดจาก ผอ. ตลอดเวลา  

ตอนนี้ตนสงสัยว่า ตอนแจ้งกับ รพ. ว่าขอใช้สิทธิประกันอุบัติเหตุ ที่ทาง รร. ทำให้ แต่ทาง รพ. แจ้งว่าไม่สามารถใช้ประกันภัยตัวนี้ได้ เมื่อตนสอบถามไปทาง รร. ครูก็รับปากว่าจะตรวจสอบให้ ผ่านมาตอนนี้ก็ไม่ได้รับคำตอบ อีกข้อตนอยากทราบว่า ทำไมครูไม่แจ้งตนมาตั้งแต่แรกว่าลูกสาวตนหัวฟาดพื้น ทั้งที่เป็นกฎข้อแรกเลยเมื่อเด็กประสบอุบัติเหตุต้องพาไปปฐมพยาบาลแจ้งผู้ปกครอง ถ้าอาการหนักนำส่ง รพ. ทำไมต้องปิดตน ต้องให้ไปรับดูอาการเอง มารู้ตอนที่ลูกสาวไม่สามารถบอกอะไรตนได้แล้ว ทางผู้บริหารเทศบาลก็นำกระเช้ามามอบให้ครั้งเดียว และไม่สอบถามติดต่อตามเรื่องให้เลย ด้วยหน้าที่การงานของตนและสามี ก็ไม่สามารถที่จะไปจ้างทนายฟ้องร้อง จึงร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอดให้เข้าช่วยเหลือ วงจรชีวิตตนคือตื่นมาส่งลูกไปโรงเรียน ทำกับข้าว สอนการบ้านเลี้ยงดูลูกให้ได้รับความสุข มีเท่านี้จริงๆ ทำไมทางโรงเรียนไม่เห็นใจครอบครัวตนบ้าง

น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังออกจาก รพ. ตอนนี้ลูกสาวตนก็มีอาการดีขึ้น มือข้างซ้ายยังอ่อนแรงอยู่ ต้องใช้ความพยายามเวลาเขียนหนังสือ ปวดบริเวณข้อมือ หมอบอกว่าให้น้องพยายามออกกำลังและสังเกตอาการ หมอให้ยากันชักมารับประทานต่อเนื่อง กะโหลกยังไม่สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็ได้ย้าย รร. ให้ลูกแล้ว เพิ่งไปเรียนได้ 2 วัน ซึ่งทางครูที่ รร.ใหม่ก็ช่วยกันดูแลและประเมินอาการน้อง เพราะ ป.4 จะเรียนหนักขึ้น ตอนนี้ลูกสาวตนเหนื่อยง่าย เขียนหนังสือบางทีก็หลับฟุบคาโต๊ะ ตนเพิ่งไปบวชโกนหัวแก้บนให้ลูกสาวมา 7 วัน ลูกสาวตนเป็นเด็กที่เข้มแข็ง อดทนต่อความเจ็บปวด พร้อมทั้งบอกให้ตนไม่ไปว่าเพื่อน เพราะเป็นอุบัติเหตุ และที่ตนโกนหัวเพราะอยากโกนหัวเป็นเพื่อนลูก ไม่อยากให้รู้สึกโดดเดี่ยว ทางครอบครัวให้กำลังใจลูกสาวเป็นอย่างดี