กรณีกลุ่มผู้ปกครอง นักเรียนในหมู่บ้านในชนบทบนเทือกเขาภูแลนคา ต.วังชมภู อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ออกมาแฉถึงพฤติกรรมครูพละหื่นหลอกลวงละเมิด ทำอนาจาร เด็กนักเรียนหญิง ม.2 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง และยังสร้างตราบาปกระทำการลวงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนหญิงจนตั้งท้อง ทนความอับอายไม่ไหวต้องหนีไปอาศัยอยู่กับญาติในกรุงเทพฯ ก่อนคลอดลูก แถมยังพบว่ามีการกระทำอนาจารเด็กหญิง ม.2-3 โรงเรียนเดียวกันอีกนับ 10 ราย จนถูกพ่อแม่ผู้ปกครองแจ้งผู้ใหญ่บ้านเอาผิด พร้อมทำบันทึกข้อตกลงและถ่ายคลิปภาพขณะตกลงค่าเสียหายไว้ ก่อนจะย้ายลูกหลานนี้ความอับอายไปเรียนหนังสือกันที่ต่างจังหวัดจำหลายราย

ต่อมาชาวบ้านพ่อแม่ผู้ปกครองผู้ปกครอง กลัวครูพละหื่นจะกลับมาล่วงละเมิดทำอนาจารซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเด็กนักเรียน จึงนำคลิปออกมาเปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวลงไปตรวจสอบตีแผ่ให้ผู้บริหารระดับจังหวัดได้ลงมาให้การช่วยเหลือด่วน ก่อนเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ รุดตรวจสอบและเยียวยาสภาพจิตใจครอบครัว ด.ญ.เคราะห์ร้าย และรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิทราบ นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายนิวัฒน์ แก้วเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 ทราบเรื่อง ได้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงรุดเข้าไปขึ้นมาสอบสวนสืบข้อเท็จจริง โดยพบว่าครูพละรายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียนในเชิงชู้สาว ซึ่งจะเป็นการสร้างความเสียหายให้วงการศึกษา หลังคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงมีมูล จึงออกคำสั่งครูพละผู้ถูกกล่าวหาออกนอกพื้นที่ไปช่วยราชการที่โรงเรียนอีกแห่งที่ อ.บ้านเขว้า เพื่อรอกระบวนการสืบข้อเท็จจริงและเข้าสู้ขบวนการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงต่อไป

ด้านนายนิวัฒน์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้รับรายงานงานจากผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวแล้ว ได้ตั้งคณะกรรมการสวนสืบสอบสวบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ซึ่งวันนี้ตนได้รับรายงานว่า ผลของการสืบสวนสอบสวนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ มีมูลความจริงว่าครูพละรายนี้ มีพฤติกรรมไปในทางเชิงชู้สาวกับเด็กหญิงจริง ทางคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้ส่งเรื่องมารายงานอย่างเป็นทางการให้ตนทราบแล้ว และขณะเดียวกันก็ได้รายงานไปถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทราบแล้ว โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้ย้ายครูพละรายดังกล่าวออกนอกพื้นที่ไว้ก่อน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนในหมู่บ้าน ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป จนกว่าจะสอบสวนทางวินัยเสร็จสิ้น หลังจากนั้นก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงระดับจังหวัด โดยมีข้าราชการระดับสูงกว่า ผอ.รร. เป็นประธาน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัยร้ายแรง ที่มีโทษถึงขั้นปลดออก หรือไล่ออกจากข้าราชการต่อไป.